จดหมาย กับทาดาโอมิคุรามะ ทาดาโอมิ ได้รับจดหมายครั้งแรกตอนป.5 เป็นจดหมายจากเด็กสาวซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้อง
ภายในบรรยายถึงเหตุการณ์ที่น่าประทับใจระหว่างเขากับเธอ ซึ่งตัวเขาเองไม่ได้ให้ความสำคัญมากพอที่จะจดจำเสียด้วยซ้ำ ในย่อหน้าสุดท้ายเป็นการขอร้องให้เขาออกมาพบเธอเพียงลำพังเพื่อให้คำตอบ
ทาดาโอมิออกไปตามคำเชิญนั้น และปฏิเสธอย่างสุภาพ
เด็กสาวร้องไห้และจากไป วันต่อมา เธอยังคงมาเรียนตามปกติ สิ่งที่แตกต่างออกไปคือ เธอหลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับเขา ทุกอย่างเป็นเช่นนั้นตลอดจนถึงวันจบการศึกษาจากโรงเรียนประถม
เขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้แม้แต่น้อย
ทั้งคำบอกรักในนิสัย ทั้งที่เขาเพียงปฏิบัติตามที่ถูก"สั่งสอน"มา โดยไม่แม้แต่จะเข้าใจเหตุผลของการกระทำนั้น
ทั้งคำชื่นชมในใบหน้า รูปร่าง น้ำเสียง ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนเป็นแค่เปลือกนอก
ทั้งหมดนั้นราวกับอีกฝั่งกำลังหลงใหลตัวเขาในจินตนาการของตัวเองก็ไม่ปาน
เติมแต่งตัวเขาให้งดงามเกินจริง
จนแม้แต่ตัวเขาเองยังนึกไม่ถึง
เมื่อถูกปฏิเสธและต้องกลับสู่ความเป็นจริง จึงเจ็บปวด และเลือกที่จะถอยห่างตัวเขาซึ่งเป็นต้นเหตุ
แม้จะไม่สามารถเข้าใจความรู้สึก แต่สามารถทำความเข้าใจในเชิงตรรกะได้
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทาดาโอมิจึงได้เรียนรู้บางอย่าง
มนุษย์ใช้จดหมายเพื่อส่งต่อความรู้สึกไปยังผู้อื่น
ความรู้สึกเปี่ยมล้นที่ไม่สามารถถ่ายทอดไปยังอีกฝั่งต่อหน้าได้
นับตั้งแต่นั้น ทาดาโอมิจึงเริ่มสนใจการเขียนจดหมาย
---
เขายังคงได้รับจดหมายอีกหลายฉบับ ทั้งจดหมายสารภาพรักเช่นเดียวกับตอนป.5 จดหมายแสดงความยินดีที่ชนะการประกวด จดหมายแสดงความขอบคุณที่เข้าร่วมกิจกรรมการกุศล
แต่ละฉบับมีเนื้อหาที่แตกต่างกัน ทั้งผู้ส่ง ความยาวของเนื้อหา ระดับภาษา จุดประสงค์ในการส่ง
ทาดาโอมิอ่านจดหมายเหล่านั้นอย่างละเอียด ซ้ำๆ และเก็บจดหมายเหล่านั้นไว้อย่างดี
คนรอบข้างต่างประทับใจในการกระทำนี้ และมองว่าเขาช่างอ่อนโยน ใส่ใจต่อความรู้สึกของผู้อื่น
แต่ในสายตาเขา นี่เป็นเพียงการเก็บข้อมูลที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์เท่านั้น
หลังขึ้นแสดง เขาได้รับจดหมายอีกครั้ง
จากแฟนคลับวงเอปซิลอนΦ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ทุกคนในวงต่างเคยได้รับจดหมายแบบนี้ทั้งสิ้น คนที่ได้รับจดหมายมากที่สุดคือคานาตะที่สดใสร่าเริง สร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชม และชูที่เป็นนักร้องนำที่เด่นที่สุดในวง นั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ มีทั้งคนที่ส่งจดหมายให้เฉพาะคนที่ชอบ และคนที่เลือกส่งจดหมายให้ทั้งวง เช่นในครั้งนี้
เมื่อกลับถึงแชร์เฮ้าส์
เพราะมีห้องอาบน้ำเพียงสองห้อง จึงต้องผลัดกันใช้
ชูมักจะได้อาบคนแรกเสมอ ฮารุกะที่ตัดรำคาญเลยไล่คานาตะไปอาบก่อน เรย์จิที่ตัดสินใจทำความสะอาดอุปกรณ์ก่อนค่อยอาบน้ำทีเดียว และทาดาโอมิที่นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น
เขาหยิบจดหมายที่ได้รับในวันนี้ออกมา
แม้จะยังไม่เปิดอ่าน แต่เขาสามารถคาดเดาได้ ว่ารูปแบบของเนื้อความจะเป็นอย่างไร
เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวคร่าวๆ การบรรยายถึงครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงของเอปซิลอนΦ ความประทับใจต่อบทเพลง การแสดงออกถึงความสนใจในรายละเอียดต่างๆที่เขาไม่ให้ความสำคัญ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง และสัญญาว่าจะซื้อบัตรเข้าชมครั้งหน้า
แม้จะคาดเดาได้แต่เขาก็ยังคงแกะสติ๊กเกอร์รูปหัวใจ คลี่กระดาษลายน่ารักนั้นออกเพื่อจะอ่านมัน และหาความแตกต่างจากจดหมายฉบับก่อนๆ
แต่ไม่ใช่อย่างที่คิด
เนื้อหานั้นเริ่มต้นเหมือนกันกับจดหมายฉบับอื่นๆ พูดถึงครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงของเอปซิลอนΦ ความรู้สึกต่อบทเพลง การแสดงออกถึงความสนใจในรายละเอียดต่างๆที่เขาไม่ให้ความสำคัญ
หากแต่นี่คือจดหมายจากคนที่เกลียดเขา
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทาดาโอมิเรียนรู้จากการอ่านหนังสือ ว่าจดหมายนั้นใช้แสดงออกถึงความรู้สึกของคน
ยิ่งเป็นจดหมายที่เขียนด้วยลายมือแทนการพิมพ์ ยิ่งแสดงออกถึงความรู้สึกของผู้เขียน
จดหมายฉบับนี้มีตัวอักษรที่ค่อยๆหนาขึ้นในแต่ละบรรทัดราวกับว่าผู้เขียนค่อยๆปล่อยให้ความรู้สึกลบในใจไหลทะลักออกมา ผ่านคำสาปแช่ง คำบรรยายถึงความรู้สึกเกลียดต่อเพลงของเอปซิลอนΦ เนื้อเพลงที่ถูกด่าว่าน่ารังเกียจ พยายามสร้างเอกลักษณ์จนชวนขนลุก เสียงที่รบกวนโสตประสาท ภาพลักษณ์วงที่ชวนให้รู้สึกขยะแขยง
แล้วจึงเจาะจงมาที่เขา
บรรยายอย่างละเอียด
ถึงท่วงทำนองที่ไร้อารมณ์ร่วม
รอยยิ้มและท่าทางอ่อนโยนที่เสแสร้ง
น้ำเสียงและคำพูดที่ราวกับประดิษฐ์ขึ้น
จอมปลอม ว่างเปล่า
ไร้ความเป็นมนุษย์
เขาหยุดอ่านจดหมายเพียงเท่านั้น
ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
แต่ราวกับความรู้สึกของบางสิ่งที่ถูกค้นพบ
ความรู้สึกแปลกใจ เมื่อได้รู้ว่าสายตาที่มองเขาออกทะลุปรุโปร่งนั้นไม่ได้มาจากคนที่รัก แต่กลับมาจากคนที่เกลียดเขา
เขาพลิกดูหน้าซองอีกครั้ง ไม่น่าแปลกใจที่จดหมายนั้นไม่ระบุชื่อผู้เขียน
เมื่ออ่านต่อ คำบรรยายถึงตัวเขาจบเพียงเท่านั้น ส่วนที่เหลือคือความคาดหวังของผู้เขียน ที่อยากให้เขาตายฆ่าตัวตาย หรือประสบอุบัติเหตุจนพิการ บาดเจ็บหนัก และไม่สามารถขึ้นแสดงได้
ซึ่งเขาไม่สามารถทำความเข้าใจในจุดนั้น
ในขณะที่เขากำลังจะอ่านจดหมายนั้นซ้ำ
"เหี้ยอะไรวะเนี่ย"
เสียงของฮารุกะคุงดังขึ้น ดึงให้หลุดจากภวังค์
ฮารุกะคุงที่นั่งรอใช้ห้องน้ำพร้อมๆกันหน้าแดงเพราะความโกรธ นัยน์ตาเบิกโพลง ในมือกำกระดาษที่มีรอยพับไว้แน่น กระดาษที่มีลายเดียวกับจดหมายที่ผมได้รับ
"โธ่เว้ย จะหน้าไหนๆก็..."
"ฮารุกะคุง เสียงดังนะ"
ผมพูด
อีกฝั่งเดินกระทืบเท้าออกไปจากห้องทั้งที่ยังไม่ทันจบประโยค สวนทางกับชูคุงและคานาตะคุงที่เพิ่งออกจากห้องน้ำ
"เอ๋~ พี่เป็นอะไรอะ ไหนๆขอฉันดูบ้างสิ"
"เรย์จิ เอามาฮื่อเปิ้นอ่านสิ"
สองคนที่มีหยดน้ำเกาะตามเส้นผม นั่งอ่านจดหมายโดยมีเรย์จิคุงเป็นคนถือ แม้ผมจะไม่ได้ขยับเข้าไปใกล้ทั้งคู่ แต่คาดเดาจากท่าทาง ฮารุกะคุงเองก็คงได้รับจดหมายที่มีเนื้อความอาฆาตมาดร้ายแบบเดียวกัน
"หวาย จนหมายจากแอนตี้แฟนนี่เอง จะว่าไป รุ่นพี่คาราสึมะ ฉันก็ได้จดหมายหน้าตาแบบนี้เหมือนกันใช่ปะ"
"ฮะฮะฮะ กึ๊ดดูแล้วนี่กะเป็นครั้งแฮกที่หมู่เฮาได้จดหมายแบบนี้เลยบ่ใจ้กา น่าสนใจ๊แต๊ คนเขียนกะว่างขนาดนัก"
"ให้ผมจัดการหาตัวคนส่งให้ไหมครับ ถ้าเป็นตอนนี้ กล้องวงจรปิดของไลฟ์เฮ้าส์น่าจะยังไม่ลบข้อมูล.."
"น่าเบื่อแต๊เนาะเรย์จิ กึ้ดว่าคนส่งจดหมายฉบับนี้อยากฮื้อหมู่เฮายะหยังหลังอ่านฮึ แหม แต่ว่ากะว่าแล้ว กะทำสำเร็จไปแล้วกับคนนึงล่ะเนอะ"
ชูคุงที่หัวเราะ
"เปิ้นยังบ่มีอารมณ์ ถ้าอยากฮื้อยะอิหยัง ถึงตอนนั้นจะสั่งเอง ส่วนจดหมายพวกนั้นบ่สนใจแล้ว จะทิ้งไปก่อเชิญ"
"...เข้าใจแล้วครับ"
ชูคุงกับคานาตะคุงที่หมดความสนใจในจดหมายผละตัวออกมา ต่างคนต่างเดินออกไปทางห้องนอน เหลือเพียงผมกับเรย์จิคุงอยู่ในห้องนั่งเล่น
"...ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ถ้าครั้งหน้าใช้วิธีเขียนเนื้อความแบบนี้มาในจดหมายที่ภายนอกดูไม่ต่างจากจดหมายทั่วไป ยังไงก็..."
เรย์จิคุงทำหน้าเครียดพึมพำกับตัวเอง มองจดหมายที่เหลือ
"งั้นจากนี้ให้ผมกรองให้ไหม"
ผมเสนอตัว
กระตือรือร้นกว่าปกติ
"...แต่จดหมายพวกนี้ เนื้อความมัน..."
"ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่รู้สึกอะไรน่ะ"
โกหกอยู่ครึ่งนึง
จริงอยู่ที่ตลอดมาผม'ไม่รู้สึกอะไร'
แต่เพราะเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างต่างหากจึงได้เสนอตัว
เรย์จิคุงครุ่นคิดครู่ใหญ่
"...ถ้าอย่างนั้น ฝากด้วยล่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอก เรย์จิคุง ไปอาบน้ำเถอะ ที่เหลือผมจะจัดการเอง"
เรย์จิคุงเดินออกไป โดยปกติเขาใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าคนอื่น ประมาณ34นาที
ผมหยิบจดหมายที่ยับยู่ยี่ของฮารุกะคุงบนโต๊ะจัดรวมกับจดหมายอีกสี่ฉบับที่หน้าตาเหมือนกัน และเก็บมันลงกระเป๋า
34นาทีมากพอที่จะอ่านจดหมายทั้งหมดก็จริง
แต่ไม่มากพอที่จะดื่มด่ำกับมัน
ไม่ใช่ตัวเนื้อความ
แต่เป็นความรู้สึกใหม่ที่ไม่เคยค้นพบ
มนุษย์ในช่วงอายุ14-17ปีต้องการเวลานอนอย่างต่ำ8ชั่วโมง
ดังนั้นถ้าคืนนี้ผมจะเข้านอนช้ากว่าเดิมสักหน่อยคงจะไม่เป็นไร