[OS-Killer Peter] Time between dog and wolf“ลุงค้าบ~”
เปโตร.. ไม่สิ คิมซุนกูกำลังจะบ้าตาย
เขาไม่น่าเปิดเผยความจริงให้ไอ้ลูกหมาหัวแดงตรงหน้านี้รู้เลย หมอนี่สลดไปแค่สองชั่วโมง หลังตั้งสติได้ก็ตั้งหน้าตั้งตายียวนกวนประสาทเขาไม่เลิก
ถ้ารู้ว่าไอ้หมาบ้าธัดเดอัสรุ่นแรกแอบมาไข่ทิ้งไว้ที่เกาลูนตั้งแต่ทีแรก เขาจะชิงตบกบาลมันเสียตั้งแต่ตอนสาวกทั้งสิบสองยังไม่สลายกลุ่ม
แล้วดูมันตั้งชื่อลูกนะ
“ธัดเดอัส..”
“โหย ไม่เอา เรียกเลบเบอัสซี่~”
ตั้งเหมือนกลัวไม่รู้ว่าเป็นลูกใครอย่างนั้นละ
ขอเวลาทำใจสักสามนาทีก่อนเรียกชื่อ ซุนกูถอนหายใจเฮือก
“ธัด..เออ ๆ เลบเบอัสก็เลบเบอัส แล้วหลังจากนี้นายจะเอายังไงต่อล่ะ”
“ก็หนีตามลุ–ชงตี้ซุนกูไปไง”
ซีโมนผู้นั่งอยู่ข้างกันเริ่มขยับมีดสั้น ส่วนซุนกูยังคงนิ่ง สงบเยือกเย็นหรือ เปล่าเลย เขากำลังพยายามนับหนึ่งถึงล้านในใจ
“มาเรียกฉันว่าลุงเนี่ยมั่นใจได้ไงว่าฉันอายุมากกว่าพ่อนาย”
“แค่เป็นเปโตรก็แก่หงำเหงือกแล้ว”
“ให้ผมเชือดเลยไหมครับลูกพี่” ซีโมนถามเสียงเข้ม
“เย็นไว้” ยกมือห้ามก่อนที่ดาบศักดิ์สิทธิ์คลื่นทะลวงเวอร์ชั่นมีดสั้นจะจ้วงเข้าที่คอหอยของธัดเดอัส ถึงแม้ความจริงแล้วเจ้าเด็กนั่นน่าจะสามารถหลบได้ทันทีที่มีดพุ่งเข้าใส่ก็ตาม
การเจรจาระหว่างเขากับธัดเดอัสอยู่ในระดับค่อนข้างดี อย่างน้อยเจ้าตัวก็ยอมแปรพักตร์มาอยู่ฝั่งเขาโดยแลกกับของตอบแทนนิดหน่อย
ไม่น่าเชื่อว่าสาวกธัดเดอัสของราฟาเอลจะเป็นลูกชายของธัดเดอัสของคุณพ่อกาเบรียล หากมีใครเล่าเรื่องนี้ให้ซุนกูฟังเขาคงไม่เชื่ออย่างแน่นอน ขนาดเห็นกับตายังไม่อยากจะเชื่อเลย ทุกอย่างดูประจวบเหมาะเกินไป
ถึงกระนั้นก็เถอะ ธัดเดอัสคนลูกนิสัยต่างกับธัดเดอัสคนพ่อราวฟ้ากับเหว คนพ่อไม่ค่อยพูดค่อยจา ส่วนคนลูกน่ะพูดไม่หยุด มิหนำซ้ำยังวอนหาเรื่องอีกด้วย
เมื่อสองชั่วโมงก่อนหมอนี่ยังไม่เชื่อว่าเขาคือเปโตรอยู่เลย ทว่าตอนนี้กลับเรียกกันว่าลุงเสียอย่างนั้น
ร่างคิมซุนกูออกจะเอ๊าะ กล้าดีอย่างไรมาเรียกลุง หนอย
“รู้ไหมว่าเด็กปีนเกลียวตายไปจะเป็นอะไร”
“เป็นเป็ด ก้าบ ๆ ”
“จริงจังนะพี่ ให้ผมเชือดหมอนี่เถอะ”
ขืนปล่อยให้ทั้งสองคนนั่งประจันหน้ากันนานกว่านี้มีหวังมีเฮ ธัดเดอัสผู้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยิ้มตาปิด ผิดกับซีโมนที่จวนเจียนจะยิงแสงเลเซอร์ออกมาจากตาอยู่รอมร่อ
หน้าที่สงบศึกจึงตกเป็นของซุนกูอีกรอบ
“เอาล่ะ ๆ ฉันว่าเรากลับไปที่โรงแรมก่อนดีกว่า แถวนี้หนูเยอะ หากมีคนมาเห็นเราสามคนนั่งคุยกันตรงนี้มีหวังเป็นเรื่องแน่” พูดจบก็ชิงลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก ซีโมนรีบลุกตาม เหลือเพียงธัดเดอัสที่ยังคงนั่งนิ่ง
“มัวทำอะไรอยู่ธัดเดอัส ลุกสิ”
เจ้าตัวไม่ยอมแม้แต่จะขยับขา ดวงตาสีเข้มจับจ้องใบหน้าน่ามองของผู้อาวุโสกว่า
“ธัดเดอัส..”
“ถ้าเรียกชื่อนี้ก็ไม่ลุกอะ”
“เลบเบอัส ลุก”
“ไม่เอา”
ซุนกูเริ่มอยากยิงเลเซอร์ออกจากตาบ้างแล้ว
“อย่ามัวแต่เล่นลิ้น ฉันบอกให้ลุกก็ลุกสิ”
“เรียกเป่าเป้ย*ดิ เดี๋ยวลุกเลย”
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน” ซีโมนพุ่งใส่ธัดเดอัสด้วยความโมโห ซุนกูรีบกระโจนล็อคแขนน้องชาย
“ซีโมน ฉันบอกแล้วไงว่าให้ใจเย็น ๆ ”
“พี่ก็ดูมันสิครับ ต่อปากต่อคำเหมือนไอ้เด็กเวรนั่นไม่มีผิด” เด็กเวรที่ว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากราฟาเอล ประธานองค์กรกลอรี่คนปัจจุบัน ซึ่งซีโมนก็เคยพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายและโดนเปโตรห้ามเอาไว้เหมือนอย่างตอนนี้
ให้ตายเถอะ ไม่ว่าจะเป็นเปโตรหรือคิมซุนกูชีวิตเขาก็เจอแต่พวกบ้าตลอดเลย
ตัวสร้างเรื่องนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ส่งยิ้มหวานจ๋อยยั่วให้ซีโมนโมโหหนักกว่าเดิม มองผาดเผินอาจจะดูเหมือนว่าเขาไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทว่าแท้จริงแล้วในอกของธัดเดอัสร้อนรุ่มประหนึ่งถูกไฟเผาทรวง
เขาไม่ไว้ใจใครเลย แม้กระทั่งคิมซุนกูผู้อ้างตัวว่าตนเองคือเปโตรในวัยหนุ่ม
แต่เขาไม่ปฏิเสธเรื่องถูกตาต้องใจอีกฝ่ายหรอกนะ ก็แหม..เล่นสูงยาวเข่าดี อกเป็นอก เอวเป็นเอวขนาดนี้ น่ามองจะตายไป
ธัดเดอัสยิ้มพราย
สาวกของกาเบรียลน่าสนใจมากกว่าที่คิด
สาเหตุที่ทำให้เขายอมแปรพักตร์จากราฟาเอลคือความน่าสนใจของคิมซุนกู อนึ่ง เขาอยากรู้เรื่องเจ้าปีศาจนั่นด้วย ถ้ามันคือสาวกธัดเดอัสรุ่นก่อนจริงแล้วละก็ ตาลุงหนวดเฟิ้มกับชงตี้ซุนกูต้องรู้จุดอ่อนของมันแน่ เขาจะสูบข้อมูลมาให้หมดเลย และเมื่อไรที่เขาได้เผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง มันจะต้องถูกฆ่าด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้เรียนรู้มา
พ่ออย่างนั้นหรือ
ช่างน่าสมเพช
พ่อที่พรากทุกอย่างไปจากลูกไม่นับว่าเป็นพ่อหรอก
ใครจะสนใจไว้ชีวิตคนพรรค์นั้น
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มวาวโรจน์ด้วยแรงโทสะ แววตากระหายเลือดชัดเจนเสียจนอีกคนสังเกตได้ ซุนกูปล่อยซีโมนให้เป็นอิสระ ดันหลังน้องเดินลงบันไดดาดฟ้าไป
ตอนนี้บนดาดฟ้าเหลือเพียงเขากับสุนัขป่าผู้เสแสร้งทำตัวเป็นลูกแกะ
ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลงเพื่อเจรจา
“จะลุกขึ้นได้หรือยัง”
“ไม่เรียกเป่าเป้ยเหรอ”
“เลิกกวนประสาทกันได้แล้วน่า”
ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ยังมองเห็นความหวาดระแวงซ่อนอยู่ภายใต้แววตาพราวระยับ สุนัขป่าตัวนี้ไม่ไว้ใจใครเลย โดยเฉพาะคิมซุนกูที่เพิ่งหักหลังตนเองไปหมาด ๆ ธัดเดอัสพร้อมขย้ำอีกฝ่ายทุกเมื่อ
ความรู้สึกผิดแล่นเข้ากลางใจของซุนกู เขาเคยหลอกใช้คนมามากมาย หักหลังคนมานับไม่ถ้วน แต่ท่าทีเหมือนสุนัขบาดเจ็บของธัดเดอัสทำให้เขาสะเทือนใจ
“...ไปกันเถอะ เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะ”
“นี่ เรื่องบนดาดฟ้าเมื่อคืนก่อนก็เป็นแค่การแสดงงั้นเหรอ”
ผู้อาวุโสกว่าถึงกับชะงัก จากที่คิดว่าจะเดินลงบันไดกลายเป็นต้องหันกลับมาประจันหน้ากับคนตั้งคำถาม
ธัดเดอัสไม่คิดจะปิดบังสีหน้าเจ็บปวดเลยสักนิด
เมื่อถึงจุดนี้ซุนกูก็นึกฉุนตนเองที่ปล่อยให้อารมณ์พาไปจนเหตุการณ์เลยเถิด เขาไม่ควรนั่งคุยกับธัดเดอัสเลย ไม่ควรดื่มเหล้าจีนแก้วนั้นด้วย ทุกอย่างทำให้เขาเคลิบเคลิ้มเหมือนตกอยู่ในภวังค์ กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็ยอมให้หมอนั่นจูบเสียแล้ว
แต่เรื่องอะไรจะยอมเผยไต๋ง่าย ๆ
“ถ้าอยากรู้ก็กลับไปคุยกันที่โรงแรม”
อีกอย่างคือเขาต้องล่อธัดเดอัสออกจากการนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงนี้ให้ได้ก่อน
หากสุนัขป่าจอมเจ้าเล่ห์กลับไม่ยอมถูกล่อลวง
ซีโมนไม่อยู่ รอบข้างเองก็ไร้ผู้คน ซุนกูอ่านเกมออกตั้งแต่สบตากับธัดเดอัสแล้ว ใบหน้าหวานขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกคนป่องแก้มรอ กลั้นใจกดจมูกกับปากลงบนแก้มนั้น
อนิจจา ราชสีห์ตกหลุมพรางของสุนัขป่าเข้าเสียแล้ว ธัดเดอัสฉวยจังหวะที่ซุนกูโน้มหน้าลงมาหอมเปลี่ยนจากหอมแก้มเป็นจูบแทน
มือหนาหยาบล็อคต้นคอเป้าหมายเอาไว้ขณะใช้ลิ้นดุนดันริมฝีปากอิ่มให้เผยอออก หากเจ้าตัวกลับไม่ยอมให้เขาทำดังประสงค์ ร่างขาวนวลตากระเด้งตัวออกห่างจากเขาทันที
“ธัดเดอัส”
แก้มแดง ๆ นั่นน่างับเป็นบ้าเลย
ธัดเดอัสรุ่นที่สองยักคิ้วใส่คู่กรณี เห็นแก่ริมฝีปากนุ่มนิ่ม เขายอมลุกก็ได้
“ไปกันเถอะ” รอยยิ้มยียวนไม่เคยจางหายไปจากใบหน้าคม แขนยาวเหวี่ยงพาดไหล่คนอายุทางกายภาพน้อยกว่าเหมือนอย่างที่เคยทำ
ซุนกูโกรธตนเองที่ประมาทจนพลาดท่าเสียทีเด็กเพิ่งเกิดเมื่อวานอย่างธัดเดอัส มันช่างไม่สมกับการเป็นเปโตรเอาเสียเลย
บอกตามตรงว่าเขายังไม่ไว้ใจธัดเดอัสร้อยเปอร์เซ็น เพราะเจ้าตัวดูว่าง่ายเกินกว่าที่ควรจะเป็น แต่เอาเถอะ ตราบใดที่ยังไม่ลุกขึ้นมาแผลงฤทธิ์ออกงิ้วใส่กันก็ถือว่าเป็นอันใช้ได้
สุดท้ายแล้วสุนัขป่าผมแดงจะเป็นมิตรหรือว่าศัตรู งานนี้คงต้องดูกันยาว ๆ
พวกเขาเดินเคียงคู่กันไปตามตรอกแคบ ๆ จุดหมายปลายทางไม่ใช่ห้องพักซอมซ่อในนรกเกาลูนแต่เป็นโรงแรมจิ้งหรีดซึ่งอยู่ด้านนอก แน่นอนว่านี่อาจจะทำให้พวกสุนัขรับใช้ของราฟาเอลสงสัย ถึงกระนั้นซุนกูก็ไม่อยากอยู่ในถิ่นของศัตรูนานนัก สู้ออกไปเตรียมแผนตั้งรับจะดีกว่า
อีกอย่างคือเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เขามียอดฝีมืออยู่ข้างกาย..ถึงจะกวนโอ๊ยไปหน่อยก็เถอะ
“ถึงโรงแรมแล้วขอจุ๊บ ๆ อีกหน่อยได้ไหม ค่าทำขวัญที่โดนหลอกไง”
“ไม่คิดจะเกรงใจฉันบ้างหรือไง ฉันอายุมากกว่านายนะ” ถามกลับเสียงเรียบ หากไม่ยอมปัดมือออกจากสะโพก
“อยากให้เรียกลุงเหรอ”
“นายนี่มัน..” พูดไปก็เห็นทีจะเปลืองน้ำลายเปล่า ซุนกูเก็บคำผรุสวาทกลับลงคอ ปล่อยให้ธัดเดอัสยุ่งวุ่นวายกับร่างกายของตนตามอำเภอใจ ก็นะ..เขาเองก็ชอบที่อีกฝ่ายสัมผัสร่างกายเขาเหมือนกันนี่ รู้ถึงไหนมีหวังอายถึงนั่น เปโตรยอมอ่อนข้อให้หมาเด็กถึงเพียงนี้
ไหน ๆ ก็ได้ร่างกายวัยหนุ่มกลับคืนมาแล้ว ขอใช้เพื่อความบันเทิงเริงรมย์หน่อยแล้วกัน
“จริงสิ ชงตี้ซุนกูบอกว่าตัวเองคือเปโตรในร่างวัยหนุ่มใช่ไหม แล้วร่างนี้ยังเวอร์จิ้นหรือเปล่า” รอยยิ้มมีเลศนัยปรากฏขึ้นมาแทนรอยยิ้มยียวน คนถูกถามหน้าขึ้นสี ผลักร่างเล็กกว่าออกห่างทันใด
“บัดสีบัดเถลิง”
“ศัพท์แก่มาก เชื่อแล้วนะเนี่ยว่าเปโตรตัวจริงเสียงจริง”
ใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้ซอกคอขาว ใกล้เสียจนซุนกูสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน
“ถึงโรงแรมแล้วเรามาสานต่อเรื่องเมื่อคืนก่อนกันนะ”
สุนัขป่าคิดจะรังแกราชสีห์อีกแล้ว ขนาดเดินอยู่ยังอุตส่าห์ยื่นหน้ามาเล็มคอกันได้
ซุนกูไม่โต้ตอบ เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
“นั่นแน่ รีบเดินแบบนี้แสดงว่าอยากรีบไปทำอะดิ”
ก่อนจะยอมให้ทำคงต้องขอตบกบาลเอาฤกษ์เอาชัยก่อนสักป้าบหนึ่ง
ธัดเดอัสรุ่นที่สอง
ไอ้เด็กปีนเกลียว
END.
*เป่าเป้ยแปลว่าที่รัก
เคะแก่แซบไม่ไหว