la mortเปิดเรื่องมาที่บทเล่าเรื่อง ณ เมืองที่หิมะตกตลอดกาล หิมะที่เหล่ายมทูตเป็นคนสร้างเหล่าผู้คนเรียกมันว่าหิมะดำและเกรงกลัว ทางเดียวที่จะให้ฤดูใบไม้ผลิมาที่เมืองแห่งนี้ ฆ่าเด็กเลือดผสมระหว่างยมทูตและมนุษย์ที่พระเจ้าโกรธแค้นในวัย17ปี นี่คือเรื่องราวของยมทูตทั้ง4และหนุ่มน้อยครึ่งยมทูตที่ต้องการความนิรันดร์
แล้วก็ตัดไปฉากไปที่เหล่ายมทูตทั้ง4กำลังทำพิธีถึงความนิรันดร์ แต่ประตูก็ถูกเปิดขึ้น โคฮาคุเข้ามาไม่เจอใคร แล้วก็เริ่มภาวนาขอให้ฤดูใบไม้ผลิมาที่เมืองนี่ที แล้วเรย์ในบทหลวงพ่อก็เข้ามาทัก โคฮาคุสงสัยว่าทำไมคนที่เมืองนี่ถึงไม่พูดถึงยมทูตกัน พอโคฮาคุไป ริทสึก็บอกว่านั้นคือเด็กครึ่งยมทูตที่แตะต้องความโกรธของพระจเ้าสินะ เรย์บอกว่าเพื่อหยุดหิมะที่เป็นนิรันดร์นี้ต้องทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จ
ตัดไปที่วันนึง ริทสึที่ซ้อมเหนื่อยๆกลับเข้ามาจะอ้อนมิกะให้หายเหนื่อยเลยเข้าไปกอด ดันเป็นเรย์ซะได้ พี่เรย์มาที่ห้องจะบอกผลออดิชั่น ลามอร์ทวันก่อน ปรากฏว่าผ่านทั้งคู่ริทสึถึงจะกับช็อค เพราะว่าออดิชั่นบทเดียวกันเลยไม่คิดว่าจะได้แสดงร่วมกัน เหมือนเพราะว่าผู้กำกับให้เรย์ออดิชั่นบทตัวเอกด้วย เรย์ทำได้ดีกว่าอีกคน เลยได้บทตัวเอกแทน
พอเรย์ไปริทสึคุยกับมิกะประมานว่าจะปฏิเสธบท ไม่อยากโดนพูดว่าน้องชายของซาคุมะเรย์อีกแล้ว มิกะก็เสียดายไหนบอกว่าถ้าผ่านจะเอาไปอวดพี่ชายให้รำคาญไปเลยไง ริทสึก็รู้สึกเสียมารยาทที่ต้องปฏิเสธงานที่ออดิชั่นผ่าน
วันรุ่งขึ้น ทุกคนที่ผ่านออดิชั่นก็มารวมตัวกัน อันสึไม่อยากให้นางิสะเป็นคนรินชาให้เลยเป็นรินชาให้เอง ส่วนโคฮาคุก็ลากมาโยยที่กลัวซาคุมะเข้ามาเพราะไอระฝากมาโยยไว้ให้ ริทสึก้ตามมาสุดท้ายเพราะเกือบตื่นสาย อันสึก็เริ่มอธิบายงาน เป็นหนังที่ถ่ายทำโดยซัฟเฟิลยูนิท ส่วนเนื้อเรื่องแฟนตาซีได้แรงบัลดาลใจจากนิยายเมืองนอก
ผ่านไปหลายวันทุกคนไปสถานที่ถ่ายทำเมืองยุโรป พอมาโยยได้อยู่ใกล้ชิดกับซาคุมะทั้งคู่ก็คิดว่าซาคุมะไม่เห็นน่ากลัวเหมือนที่พ่อแม่บอก หลังจากนั้นก็ไปทักทายเหล่าสต๊าฟกัน
พี่เรย์แสดงเป็น ยมทูตแห่งบาป บาดี้
นางิสะ ยมทูตเฝ้าหลุมศพ
โคฮาคุ เด็กหนุ่มลูกครึ่งยมทูต
มาโยย ยมทูตแห่งจุดจบที่ยาวนาน(永結)อาจจะแปลผิดค่ะ
ริทสึ ยมทูตแห่งนิรันดร์
หลังจากทักทายเสร็จพี่เรย์ก็ชมทุกคนเด็กดีๆ ริทสึก็ด่ากลับตามประสา แต่ดูเหมือนพี่เรย์จะเมินริทสึยังไงก็ไม่รู้ ริทสึก็คิดว่าคงคิดไปเองเรย์นี่นะจะเมินริทสึไม่มีทาง
กลับไปที่การถ่ายทำ ดูเหมือนเรย์จะเข้าใกล้กับเด็กหนุ่มครึ่งยมทูตแล้ว แต่แทนที่จะชิงชีวิตไปเลยกลับเข้าไปสนิทด้วย นางิสะเลยคิดว่าหรือว่าเรย์ก็ปราถนาถึงความนิรันดร์เหมือนกัน ทั้งๆที่ของแบบนั้นไม่มีความหมายและไม่มีคุณค่าแท้ๆ มาโยยกลับคิดว่านางิสะดูปราถนาถึงนิรันดร์มากกว่า การฆ่าแล้วฝังก็เหมือนกับความเป็นนิรันดร์ใช่ไหมล่ะ
ทุกคนที่ดูการแสดงอยู่ก็เห็นด้วยกันว่ามาโยยแสดงเก่งมาก เสร็จแล้วริทสึก็เรียกเรย์ผู้กำกับเรียกต่อไปต้องเข้าซีนไม่ใช่หรอ เรย์ดูทิ้งระยะห่างก่อนแล้วค่อยตอบ จนริทสึรู้สึกว่าทำไมเรย์ถึงวางตัวห่างแบบนี้ นางิสะเห็นเลยเข้ามาทักว่าเป็นไรหรอ
ริทสึ:อ่าวจำชื่อได้แล้ว เมื่อSSยังจำชื่อไม่ได้แท้ๆ จำได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตกใจมากเลยนะ ราชาผู้ยิ่งใหญ่โอเดง จะโอเดงหรืออีเดนก็ไม่รู้แหละ แต่เพราะเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่เลยเรียก ราชาผู้ยิ่งใหญ่โอเดง
(พูดเหมือนเซนะตอนSSปีที่แล้วเลยค่ะ น่ารักดี)
นางิสะเลยขอโทษที่ตอนนั้นจำชื่อไม่ได้ มาโยยก็เล่าถึงฉากต่อไปที่ยมทูตแห่งบาปที่ไม่ควรจะมีอารมณ์ความรู้สึก ดันสนิทสนมกับมนุษย์ทำให้ไม่สามารถบอกกับหนุ่มน้อยครึ่งยมทูตได้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของฤดูหนาวไม่มีสิ้นสุดนี้ จากนั้นทุกคนก็มาพูดคุยว่าคิดว่าความนิรันดร์คืออะไรล่ะ ริทสึตอบว่าสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงละมั้ง
ริทสึมองไปที่เรย์ที่กำลังแสดงก็คิดว่า นี่คือบทบาทที่เรย์ต้องการรึป่าวนะ ความสัมพันธ์ที่คิดว่าจะไม่เปลี่ยนของพวกเรา จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปรึป่าวนะ
วันรุ่งขึ้น ในการถ่ายทำ ฉากที่เรย์บอกลาโคฮาคุที่เมือง ไว้เจอกันวันพรุ่งนี้ ริทสึมองอยู่ห่างๆก็บ่นๆว่าไม่คิดว่าจะใช้ชื่อมนุษย์ด้วย สนิทกันขนาดนี้ เรย์บอกว่าเอ่ยปากกับงานยมทูตคนอื่นมันผิดฏกนะ แน่นอนเรย์มีหน้าที่ให้ความหวังและแย่งชิงชีวิตของเด็กคนนั้น ริทสึบอกว่า แต่เรย์ต่างหากที่ผิดกฏดันมีความรู้สึกกับมนุษย์แบบนี้ เรย์เถียงทำหน้าน่ากลัว แสดงว่าริทสึจะมาข้ามก่ายงานจริงๆใช่ไหม
ถึงจะเป็นการแสดงแต่นั้นทำให้ริทสึถึงกลับกลัวขึ้นมาเลย ผู้กำกับสั่งโอเคกับฉากนี้ ริทสึก็ชมพี่เรย์ฉากเมื่อกี้ดีมากๆเลย เพิ่งเคยเห็นพี่เรย์ทำหน้าตาแบบนี้ครั้งแรก แต่เรย์กลับเมินแล้วไปหาโคฮาคุ จนแม้แต่โคฮาคุก็สังเกตุเห็นว่าเมินริทสึแบบนี้มันไม่ดีนะ ทะเลาะกันอยู่รึไง เรย์ก็บอกป่าวๆ ขอโทษนะริทสึ แล้วก็เมินต่อ
ริทสึก็เริ่มหงุดหงิดอะไรกันคนอุจส่าเข้าหาดันเมินแบบนี้ไม่ถูกไม่ใช่รึไง ถ้าทางนั้นจะทำอย่างงี้ริทสึก็ไม่เอาด้วยแล้ว นางิสะเห็นก็กังวลว่าถ้าไม่ส่งผลต่อการถ่ายทำก็ดีสินะ นางิสะขอความเห็นมาโยย คิดว่าพวกเราควรพูดคุยกันมากกว่านี้นะ มาโยยกลัวว่าจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้ที่ทุกคนต้องมาคอยดูแลมาโยยกับโคฮาคุที่เป็นมือใหม่ นางิสะบอกไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก
มาโยยก็คาใจเรื่องพี่น้องสองคนนั้นเหมือนกันแต่ไม่กล้าพูด นางิสะกับมาโยยเลยตัดสินใจจะไปลองคุยกกับทั้งคู่ดู หลังจากขึ้นรถบัสกำลังกลับหอกัน มาโยยก็ขอให้โคฮาคุหลังจากถึงหอแล้วช่วยไปรวมตัวที่สวนที นางิสะดูเหมือนมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย
แต่ในรถบัสริทสึกับเรย์กำลังทำท่าจะทะเลาะกันแย่งที่นั่งกัน ริทสึอยากนอนเหยียดแต่พี่เรย์ขวางอยู่ พี่เรย์ก็โมโหมีวิธีการขอที่ดีกว่านี้ไม่ใช่รึไง มาโยยเห็นพยายามจะอายคอนแทคกับนางิสะให้ช่วย แต่นางิสะดันอ่านหนังสืออยู่ไม่สนใจ
พอกลับถึงหอ นางิสะ มาโยย โคฮาคุก็มาคุยกันเรื่องพี่น้องสองคนนั้น ทั้งสามมีความเห็นตรงกันที่ทั้งคู่ดูทะเลาะกันเมินใส่กันตลอดยนรถบัสบรรยากาศไม่ค่อยดี นางิสะเลยวางแผนว่าแอบถามความในใจของทั้งคู่ แล้วก็แอบคลี่คลายปัญหากัน ใช้ชื่อมิชชั่นว่า mission in your heart
โคฮาคุเห็นด้วยว่าปัญหาแบบนี้ควรให้มือที่สามอย่างพวกเราเป็นฝ่ายช่วย แต่มาโยยก็รู้สึกกังวลขึ้นมา เพราะสามคนที่อยู๋ตรงนี้เป็นพวกที่ไม่ค่อยคอมมิวนิเคชั่นกับคนได้เก่งซักเท่าไหร่
แล้วก็เริ่มแผนกัน โคฮาคุจะไปถามริทสึ ส่วนมาโยยกับนางิสะจะไปถามเรย์
ด้านนางิสะกับมาโยยก็เข้าไปหาพี่เรย์
พี่เรย์บอกว่า ริทสึเป็นน้องชายที่น่ารักมากๆ มากจนแม้แต่จะเข้าตาก็ไม่เจ็บ แต่บางทีก็ต้องทำตัวเป็นยักษ์บ้าง นางิสะรู้สึกผิดหวังกับเรย์ ต้องทำตัวเป็นยักษ์แม้ว่าแผนซัฟเฟิลยูนิทจะล่มไม่เป็นท่างั้นหรอ
ทางด้านโคฮาคุ มิกะกำลังเอาชามาให้ริทสึ โคฮาคุขอให้ริทสึคืนดีกับเรย์หน่อย แต่ริทสึบอกทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย จนกว่าเรย์จะก้มหัวขอโทษริทสึก็จะพูดกับเรย์ในบทยมทูตนิรันดร์เท่านั้น จริงๆแล้วมันไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้วแหละ ที่ทำงานร่วมกับเรย์ เพราะถ้าพี่น้องทำงานร่วมกันมันต้องมีการดึงอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาในงานแน่ๆ รู้งี้บอกปฏิเสธงานแต่แรกก็ดี
วันรุ่งขึ้นที่การถ่ายทำ แผนมิชชั่นก็จบด้วยความผิดพลาดไม่สามารถทำทั้งคู่คืนดีได้ ส่วนฉากริทสึกับพี่เรย์ที่ถ่ายทำอยู่ก็ดูบรรยากาศเหมือนยมทูตคุยกันจริงๆ เป็นฉากที่ริทสึพูดให้พี่เรย์รีบๆฆ่าโคฮาคุได้แล้ว ไม่งั้นมาโยยจะเคลื่อนไหวแล้ว ฉากนั้นนางิสะบอกว่าริทสึทำพลาดไป ริทสึเล่นไปตามบทก็จริง แต่ดูไม่เหมือนกับคาเรกเตอร์ของยมทูตแห่งนิรันดร์ จนผู้กำกับสั่งให้ไว้ถ่ายฉากนี้ทีหลัง เพราะเริ่มมืดแล้วจะต่อกับฉากที่ถ่ายก่อนหน้านี่ยาก
นางิสะเป้นห่วงเลยเข้ามาถามว่าถ้ามีไรให้ช่วยก็บอกได้นะ บทของนางิสะกับริทสึเข้าฉากกันเยอะ อาจจะให้คำแนะนำอะไรได้ แต่ริทสึก็ปฏิเสธไป
หลังจากถ่ายฉากที่มาโยยเข้ามาจะฆ่าโคฮาคุเสร็จ การถ่ายวันนี้ก็จบแล้ว เด่วรถบัสก็กำลังจะมารับ อากาศก็เริ่มเย็นแล้ว เพราะมืดอีก ทางสต๊าฟก็เอาคัพราเมงมาให้ เอามากินแก้หนาว มาโยยก็คิดในแง่ลบที่รถบัสมาช้ากว่าทุกทีเพราะเกิดอุบัติเหตุไรรึป่าว พี่เรย์บอกมาช้านิดหน่อยเพราะหิมะ พี่เรย์ก็ต้องไปเรียกริทสึด้วย สต๊าฟสั่งมาถึงจะรู้สึกกระอั่กกระอ่วนหน่อยๆก็เถอะ ตอนนี้น่าจะซ้อมอยู่กับนางิสะ
นางิสะก็ออกมาจากหลังโบถส์ มาคะยั้นให้เรย์เล่ามาได้ซะทีว่าทำไมถึงทำตัวแบบนี้กับริทสึ เรย์ก็ตัดสินใจเล่าเพราะไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ทุกคนแล้ว
เรย์บอกว่า จะทำตัวเป็นศัตรูกับริทสึ ริทสึเกลียดการถูกเรียกว่า”น้องชายของซาคุมะเรย์” ช่วงนี้ในรายการวาไรตีก็ถูกเรียก “น้องชายของซาคุมะเรย์” ด้วย ริทสึต้องทนกับการถูกเปรียบเทียบกับเรย์ตลอดเวลา เรย์รู้เรื่องนี้และเข้าใจ เลยเลือกที่จะออดิชั่นบทเดียวกับริทสึเพราะไม่อยากแสดงยืนอยู่ข้างกันจะถูกเปรียบเทียบหนักกว่าเดิม ผลคือริทสึชนะได้บทไป แต่เรย์ดันได้บทอื่นแทน เรย์ไม่อยากทำแผนซัฟเฟิลล่ม เลยยอมรับงาน เลยอยากให้ริทสึแสดงคาเรกเตอร์ออกมาให้ได้อย่างเต็มที่ เลยทำตัวให้ริทสึโกรธจะได้อินกับบท นั้นน่าจะทำให้ริทสึหนีจากคำสาป(ที่โดนเปรียบเทียบกับเรย์)ได้
นางิสะบอกว่า เรย์กับริทสึตอนนี้เหมือนกับยมทูตแห่งบาปกับเด็กหนุ่มลูกครึ่งเลย เมื่อกี้นางิสะพยายามหาตัวริทสึ แต่ริทสึไม่อยู่ที่โบถส์ หมายความว่าริทสึตอนนี้น่าจะอยู่กลางหิมะ เรย์จะทำยังไง รอริทสึกลับมาอาจจะเป็นการกระทำของผู้ใหญ่ก็ได้ แต่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถุกต้อง ตัวเรย์ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
เรย์ตัดสินใจออกไปตามหาริทสึ ขอให้ทุกคนรออยู่ที่นี่ แต่ทุกคนบอกว่าจะช่วยออกกันไปตามหา เหล่าสต๊าฟก็ช่วยกันออกตามหาเหมือนกัน อยากให้ทุกคนตามหาอย่างไม่ฝืนตัวเองนะ ถ้าบาดเจ็บขึ้นมาเรื่องจะใหญ่กว่าเดิม
ตัดไปที่ริทสึเมื่อสิบนาทีก่อน ริทสึกำลังเศร้าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงได้แต่ถูกเรียกว่า “น้องชายของซาคุมะเรย์”ต่อไปแน่ๆ ริทสึก็รู้ว่าพี่เรย์เข้าใจที่ริทสึเกลียดการถูกเรียกว่า “น้องชายซาคุมะเรย์” เรย์เห็นพวกบทความก๊อปซิปที่เขียนในนิตรยสารที่วางอยู่ในห้องริทสึ ริทสึเข้าใจว่าพี่เรย์ทำตัวห่างเหินกับริทสึแบบนี้เพื่อจะสร้างข่าวลือว่า ทั้งคู่ทะเลาะกันจนพวกนักข่าวไปคุ้ยเจอว่าริทสึชนะการออดิชั่น ริทสึมีความสามารถจริงๆ ไรแบบนี้ น่าเสียดายที่แผน(ที่ริทสึคิดไปเอง)มันพลาดไปแล้ว เพราะแผนซัฟเฟิลยูนิทน่าจะทุลั่กทุเลเพราะริทสึ
พอใกล้ถึงเวลา ริทสึก็ว่าจะกลับละ แต่ดันเปิดประตูไม่ออก หน้าต่างก็เปิดไม่ได้
ทางด้านทุกคนที่หาริทสึอยู่ก็ยังหาไม่เจอ โคฮาคุถามว่ามีเบาะแสอะไรไหม อะไรก็ได้ ริทสึเคยเป็นแบบนี้น่าจะไปที่ไหนไหม เรย์ก็บอกว่าเมื่อก่อนตอนเด็กๆเคยเล่นซ่อนแอบแล้วใช้เพลงในการส่งซิคหากัน ทุกคนเลยคิดว่าจะร้องเพลงนั้นเผื่อริทสึจะได้ยิน เรย์กลับบอกว่าเรื่องมันก็ตั้งแต่เด็กๆแล้วไม่คิดว่าริทสึจะตอบรับกับไรแบบนี้หรอกนะ
นางิสะ :ก็จริงอยู่อย่างที่เธอพูด ริทสึคุงอาจจะไม่ออกมาก็เป็นไปได้ แต่ริทสึคุงเชื่อในความนิรันดร์ ถึงปากจะบอกว่ามันไม่มีสิ่งที่ไม่ทางเปลี่ยนแปลงอยู่ แต่ท่าทางเหมือนปราถนาถึงความสัมพันธ์ที่ไม่เปล่ยนแปลง เธอเข้าใจความหมายมันใช่ไหม ซาคุมะคุง .. ความนิรันดร์ถ้ายื่นมันไปก็จะยิ่งห่างออกไป แต่ถ้าความนิรันดร์เข้ามาหาเราล่ะ ริทสึคุงคงยื่นมือออกไปอย่างสุดแรงอย่างแน่นอน
เรย์ขอบคุณนางิสะแล้วก็เริ่มฮัมเพลงที่เคยเล่นกับริทสึตอนเด็กๆ
ริทสึที่อยู่คนเดียวในบ้านเล็กก็ทำไรไม่ได้นอกจากรอให้หิมะละลาย
ริทสึ:บางทีอาจจะเป็นเพราะหัวแข็งกับความสัมพันธ์ของพี่ชายมากเกินไปรึป่าวนะ ความจริงแล้วฉันอาจจะเกลียดก็ได้ ไอ้การที่พี่ทำตัวออกห่าง ความสัมพันธ์ที่เป็นนิรันดร์ หวังอยากจะได้มัน ไม่คิดว่าสุดท้ายผลลัพท์จะเป็นแบบนี้ ฉันก็ควรจะทำตัวออกห่างจากพี่ชายบ้างได้แล้ว ในวันนั้น ในวันที่หิมะตกวันนั้น พี่ชายที่ออกมาตามหาฉันจนเจอน่ะ ไม่มีอยู่แล้วล่ะ
แล้วริทสึก็ได้ยินเสียงเพลงของเรย์ ริทสึเลยร้องเพลงนั้นตอบกลับกับพี่เรย์ พี่เรย์มาเจอบ้านเล็กที่ริทสึอยู่ ริทสึขอให้เปิดประตูให้หน่อย หิมะน่าจะถล่มลงมาปิดจนเปิดไม่ออก เหมือนกับในบทเลย พอทุกคนเปิดประตูได้แล้ว ก็เอาเสื้อมาให้ริทสึ แต่ริทสึไม่เป็นไรทนอากาศหนาวได้ชิลๆอยู่แล้ว
เรย์พยายามจะขอโทษริทสึ แต่ริทสึกลับเอานิ้วแตะปากพี่เรย์บอกไม่ต้องพูด ริทสึเข้าใจอยู่แล้วว่าที่เรย์ทำแบบนีก็เพื่อริทสึ ไม่ต้องพูดขอโทษอะไร ถึงพี่เรย์จะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ริทสึก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นครั้งนี้ถือว่าเจ๊ากัน แล้วครั้งต่อไปใช้คำพูดกันมากกว่านี้แล้วค่อยตัดสินใจกันเถอะ
แล้วก็มาถึงการถ่ายทำสุดท้าย (ค่อนข้างชอบบทเลยขอแปลให้หมดเลยละกันนะคะ)
ยมทูตแห่งนิรันดร์มาถามยมทูตแห่งบาปเมื่อไหร่จะฆ่าเด็กคนนั้น ถึงการเคลื่อนไหวของยมทูตแห่งจุดจบที่ยาวนานนั้นจะพลาดไป แต่น่าจะไม่มีครั้งต่อไปแน่ ยมทูตแห่งบาปก็ถามว่าทำไมต้องเร่งรีบขนาดนี้ ตัวยมทูตแห่งนิรันดร์ก็บอกว่าช่วยไม่ได้ ตัวเค้าเพื่อนถูกยมทูตแห่งจุดจบที่ยาวนานฆ่าไปแล้ว
ริทสึ :สำหรับฉัน ควมเป็นนิรันดร์หรือจุดจบน่ะจะเป็นยังไงก็ช่าง อยากให้วันเวลาแบบนี้มีต่อไปเรื่อยๆ แต่คุณอยากให้ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนที่เมืองแห่งนี้สินะ เพราะฉะนั้นทิ้งความรู้สึกไปซะ คุณต้องฆ่าเด็กคนนั้น
เรย์ :รู้ รู้อยู่แล้ว ยมทูตกับมนุษย์ไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้ แต่ความรู้สึกนั้นมันเกิดขึ้นไปแล้ว ฉันต้องทำยังไง
ริทสึ:ง่ายๆ แค่ทำให้เด็กคนนั้นเกลียดคุณก็พอแล้ว มนุษย์น่ะ ถูกความรู้สึกบงการได้ง่ายๆ เป็นตัวตนที่อยู่ห่างไกลกับคำว่านิรันดร์ ขอแค่ถูกเกลียด ความรู้สึกรักที่ผ่านมาก็จะหายไป แค่นี้ ฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นก็จะมาเยือน
–
โคฮาคุ:อะไรกัน พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ นายเป็นยมทูตอะไรนั้นคือเรื่องล้อเล่นใช่ไหม
เรย์:อย่างที่พูดไป ฉันคิดแต่ว่าวิยญาณของเธอน่ะน่าอิจฉาเหลือเกิน หายไปซะ เกะกะลูกตา
โคฮาคุ:ช่างเหอะ นายก็เป็นแค่คนโกหกเท่านั้นเอง
เรย์:ไปแล้วงั้นรึ แต่นั้นก็ดีแล้ว
–
มาโยย:คุณยมทูตเฝ้าหลุมศพ มีอะไรหรอครับ ถึงเรียกออกมาข้างนอกเมืองแบบนี้ คุยกันที่โบสถ์ก็ได้นี่นา
นางิสะ:แบบนั้นไม่ได้ มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ เข้าเรื่องเลยละกัน คนที่ทำผิดกฏแบบเธอไม่คู่ควรกับการเป็นยมทูต เพราะฉะนั้นเธอจำเป็นต้องได้รับบทลงโทษ
มาโยย:อะ อะไรกันหรอครับ พูดเรื่องอะไรไม่เห็นเข้าใจเลย
นางิสะ:งั้นหรอ เพราะว่าเอาแต่ดูคอลเลคชั่นของตัวเองจนลืมไปแล้วงั้นหรอ เธอทำผิดกฏ ถึงขนาดแย่งเหยือของคนอื่นแบบนั้นมันไม่สวยงานเลยนะ แย่งเหยื่อของยมทูตแห่งนิรันดร์ไปจำไม่ได้หรอ
มาโยย:นั่นสินะ เป็นยังไงกันนะ
นางสิะ:ลืมไปอีกแล้วงั้นหรอ ท่าทางแบบนั้นยังอุจส่าเชื่อในความเป็นนิรันดร์ได้อีกนะ ทั้งๆที่ตอนนั้นพูดว่าจะไม่ทำผิดเป็นครั้งที่สองแท้ๆ ทีนี้คือหลุมศพ ฉันเป้นยมทูตเฝ้าหลุมศพ เรื่องนี้คงไม่ได้ลืมไปใช่ไหม
มาโยย:ไม่จริง ตรงๆนี้ไม่น่าจะเป็นหลุมศพได้นิ
นางิสะ:อืม ก่อนหน้านี้ย้ายมันมาที่นี่น่ะ ซึ่งหมายความว่าสถานที่ตรงนี้เป็นของฉัน
มาโยย:อย่างงี้นี่เอง คุณยมทูตเฝ้าหลุมศพทำอะไรน่าสนใจดีนิ อุหึๆๆๆๆ ไม่สามารถเลี่ยงการต่อสู้ได้จริงๆสินะ ช่วยไม่ได้นะ ถ้างั้น จะทำให้คุณเป็นน้ำแข็ง แล้วพูดไม่ได้อีกเลย
นางิสะ:ขอโทษนะ แต่ไม่ว่างขนาดฟังเธอพูด ช่วยหลับอยู่ในหลุมศพนี่ไปก่อนนะ
มาโยย:จะจมแล้ว แผ่นดินกำลังดูดฉันลงไป
นางิสะ:ทุกสรรพสิ่งจะลงสู่พื้นดิน แล้วกลายเป้นเมล็ดแห่งชีวิตใหม่ นั้นคือนิรันดร์ที่ฉันใฝฝัน และความหมายที่แท้จริงของความตาย อ่าว ไม่อยู่แล้วงั้นหรอ คนตายนี่ พูดไม่ได้สินะ
–
โคฮาคุ:บาร์ดี้ ไม่คิดว่าหมอนั่นคือยมทูต อีกอย่างไม่คิดว่าที่ฤดูหนาวไม่มีจบนี่จะเป็นเพราะฉัน พรหมลิขิตแบบนั้นไม่อยากจะเชื่อ ถ้าตันตนของฉันทำให้คนในหมู่บ้านทรมานล่ะก็ ฉัน… อุ เจ็บที่หัวใจอีกแล้ว เพราะหมอนั่นที่เจอที่โบถส์งั้นหรอ
เรย์:สบายดีไหม หนุ่มน้อย
โคฮาคุ:บาร์ดี้ ทำไมอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีกแล้วไม่ใช่หรอ
เรย์:ความจริงจะทำแบบนั้นแหละ แต่นั่นไม่ใช่ความต้องการของนาย ฉันทำให้นายเกลียดตัวฉัน พอทำแบบนั้นนายก็จะทำตามที่ฉันต้องการ แต่ว่า นั้นเป็นสิ่งที่ผิด เรามาคุยกันเถอะ ว่าจะทำยังไงกันต่อไป ใน ในเรื่องราวที่พวกเราได้พบเจอกัน ถ้าทำให้ดอกไม้เบ่งบานได้ ถ้าทำให้ฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ได้บอกลากับความนิรันดร์ มาตัดสินกันที่ตรงนี้เถอะ
โคฮาคุ:เรื่องนั้นน่ะ บาร์ดี้ ถ้าเป็นนาย ฉันจะถูกฆ่าก็ได้ ดูเมืองนี่สิ วิวที่พอดูจากที่สูง ทั้งหนาวและเหงา ฉันอาศัยแบบนี้มาทั้งชีวิต แต่นั้นมันผิด การที่นายปรากฏตัวต่อหน้าฉัน ความนิรันดร์ที่คิดว่าจะเป็นต่อไปทุกๆวันมันได้เปลี่ยนไปแล้ว นายได้มอบฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นให้กับฉันที่เหมือนกับฤดูหนาวนี้ — ถ้าฉันจะตายที่ตรงนี้ก็ไม่เป็นไร
เรย์:คืดอย่างงั้นจริงๆใช่ไหม
โคฮาคุ:ถ้านั้นเป้นชะตากรรมของฉัน ฉันก้ไม่คิดจะต่อต้านมันหรอก
เรย์:เข้าใจแล้ว จะทำให้หลับไปโดยไม่รู้สึกเจ็บเอง ในวันนั้น ที่ๆพวกเราพบเจอกันที่โบถส์แห่งนั้น — ฉันจะเฝ้ามองจนถึงจุดจบเอง
–
เรย์:พลังแห่ง “ยมทูตแห่งบาป” เอ๋ย จนทำให้คนผู้นี้ได้หลับอย่างสงบด้วยเถอะ
โคฮาคุ:รู้สึกแปลกๆ เหมือนร่างกายค่อยๆเบาขึ้น รู้สึกอบอุ่นมากๆ— ฉัน กำลังจะตายงั้นหรอ
เรย์:ยกโทษให้ด้วยเถอะ นี่คือลิขิตของฉัน
โคฮาคุ:ไม่หรอก สุดท้ายได้รู้ถึงสิ่งสำคัญแล้วน่ะ นายมักคิดถึงสิ่งที่เรียกว่านิรันดร์ใช่ไหม ตัวเองในฐานะยมทูตไม่รู้ว่านี่คืองานที่ถูกต้องไหม แต่ว่าความทรงจำที่นายให้มา สำหรับฉันมันไม่หายไป ไม่ว่าใครจะว่ายังไง นั้นคือนิรันดร์ของฉัน ได้เป็นเพื่อนกับนายนี่ดีจริงๆ ขอบคุณนะ บาร์ดี้ ลาก่อน
เรย์:ลาก่อน เพื่อนของข้า.. จากนี้ไปถ้าฤดูใบไม้ผลิมาถึงในทุกๆครั้ง ฉันจะคิดถึงนาย เพื่อนทำให้ช่วงเวลากับนายเป็นนิรันดร์ นี่คือคำตอบของฉัน
–
พอถ่ายทำจบ เรย์ก็เข้ามาอ้อนริทสึในส่วนที่ไม่อ้อนเลยตลอดงานที่ผ่านมา ริทสึบอกว่าดีจังนะที่บาร์ดี้กับหนุ่มน้อยความรู้สึกได้ถูกส่งต่อกันและกัน
เรย์ก็คิดขึ้นได้ งี้นี่เองทำไมเรย์ถึงถูกเลือกมาเล่นเป็นตัวเอกของเรื่องนี้ ริทสึก็แซวอะไรกันเพิ่งนึกขึ้นได้หรอ พี่ชอบทื่อกับเรื่องของตัวเองแบบนี้นะ
พอผ่านไปหลายสัปดาห์ ก็ยืมโรงหนังESมานั่งดูลามอร์ทกัน อันสึบอกว่าหนังเรื่องนี้ได้ถูกส่งชื่อเข้า IFF แล้วทุกคนก็มานั่งอ่านบทความวิจารหนัง เขียนประมานว่า นำแสดงโดยซาคุมะเรย์ เปล่งประกายพรสวรรค์ในการแสดง แต่MVPในครั้งนี้คือริทสึ
จบค่า
ชอบที่เค้าพยายามสื่อตัวละครบาร์ดี้กับหนุ่มน้อย คือพี่เรย์กับริทสึ สุดท้ายทั้งคู่ก็ปรับความเข้าใจกันได้ก็ดีแล้วค่ะ ตัวริทสึก็ดูเหมือนได้รับผลตอบรับจากรอบข้างได้ดี หวังว่าซักวันคำว่า ริทสึจะไม่ถูกพูดว่า“น้องชายของซาคุมะเรย์”อีกแล้วนะคะ