ฮาเดสไม่เชื่อในเรื่องของโชคชะตา เขาเกลียดมันพอๆ กับร่างกายของตนเอง ทั้งที่แข็งแกร่งดุจอัลฟ่า แต่กลับกลายเป็นว่าภายใต้ร่างกายแข็งแกร่งนี้เป็นโอเมก้าบกพร่องที่มีแต่เรื่องชวนครหา ปกครองใต้พิภพ พิพากษาวิญญาณ เร้นกายอันเป็นตราบาปอยู่ในขุมนรกที่หนาวเหน็บ ไม่อยากแสดงกายที่ไหน ไม่อยากพบผู้ใดโดยเฉพาะพวกอัลฟ่า มันทำให้เขารู้สึกตัวเองช่างน่าสมเพชมากเพียงไร แต่ทว่าสุดท้ายก็ต้องแหกกฏของตนเองเพราะคำตัดสินว่าต้องขึ้นไปหลังจากพลัดไปหลายครั้งในการประชุมรวมเทพทุกพันปี ฮาเดสชั่งใจอยากส่งจดหมายไปปฏิเสธต่อน้องชายของเขา ซุส ทว่าในฐานะผู้จัดงานการประชุม จึงมีคำสั่งให้เทพโอลิมปัสทุกคนจำเป็นต้องไป แม้จะเขียนมาว่าแค่ครั้งนี้เท่านั้นก็เถอะ
สุดท้ายแล้วฮาเดสก็ยอมไป ยังไงเสียคงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะไป จะทำให้เหล่าโอลิมปัสขายหน้าก็คงมิใช่เรื่องเสียทีไหน ยาอัดเม็ดสีแดงที่อยู่ในขวดแก้วขนาดพกพาถูกเทลงบนมือสองเม็ดแล้วกระดกกิน ถึงแม้จะไม่ใช่ช่วงฮีทแต่ฮาเดสก็กินแทบทุกวันไม่เคยขาด หวังว่ามันทำลายลักษณะเด่นของโอเมก้าไปให้หมด เพราะอย่างไรเสีย เขามันก็บกพร่องมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว จะเสียหายเพิ่มก็มิเป็นไรหรอก
วาระการประชุมยังน่าเบื่อไม่น่าสนใจ เกี่ยวกับโลก สงครามและมนุษย์ ของพวกนี้ล้วนเป็นวัฏจักรและความเห็นแก่ตัวละโมบไม่มีที่สิ้นสุด ฮาเดสพบเจอมนุษย์หลากหลายรูปแบบมานับไม่ถ้วนในรูปแบบของวิญญาณ เขาเองก็ล่าช้าเองที่มาสายไปนานเพราะดันมีงานด่วนเข้ามา เหล่าเทพหลากหลายแดนยังพูดคุยเซ็งแซ่ดังลั่นอัฒจันทร์ จ้าวนรกแดนกรีกเลือกพาตัวเองไปนั่งข้างน้องชายอัลฟ่าของตน กลิ่นของโพไซดอนจะช่วยกลบกลิ่นโอเมก้าของเขาให้ทุเลาลงไปหลายส่วน
การประชุมยังดำเนินไปเนิ่นนานถึงประเด็นต่างๆ ตอนนั้นเองที่ฝั่งของพวกนอร์สเริ่มปริปาก ถึงแม้จะเป็นเทพจอมโป้ปดก็ตามที่โต้แย้งออกมา แต่บริเวณนั้นดันมีใครผู้หนึ่งนั่งอยู่ ผมสีแดงราวกับตะวันตก ดวงตาสีอำพันเรืองรองในความมืด มันเป็นความบังเอิญหรืออย่างไรที่พวกเขาทั้งสองสบตากัน ฮาเดสรับรู้ได้ทันทีถึงความผิดปกติของร่างกาย ความร้อนปะทุหลั่งออกมาในทรวงอกและบั้นเอว หัวใจเต้นโครมครามราวกับจะหลุดทะลุออกมาด้านนอก เหงื่อเริ่มไหลซึม อาการฮีทที่มาก่อนกำหนดเพียงเพราะสบตากับชายผู้นั้น
ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่านี่คืออาการยามพบ คู่แห่งโชคชะตา...
คู่แห่งโชคชะตากับนรกเถอะ
ฮาเดสยันตัวลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโดยไม่สนว่าจะเสียมารยาทหรือไม่ กลิ่นหอมของดอกไลแลคเริ่มแผ่กระจายจนมีสายตานับร้อยที่ตนเดินผ่านนั้นจับจ้อง กลิ่นอบอวลของอัลฟ่ารอบด้านชวนอึดอัดคลื่นไส้ จ้าวนรกยกมือปิดปากปิดจมูกแล้วเร่งเดินออกไปจากส่วนของอัฒจันทร์ทันที เมื่อผ่านออกมาได้ระยะหนึ่งเขาก็ทรุดกายลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ภายในหัวยังวนเวียนถึงสายตาคู่นั้นที่จดจ้องลงมาราวกับต้องการกลืนกินเขาไปทุกส่วนจนเบื้องล่างเฉอะแฉะจนเหนอะหนะน่ารำคาญ
ผู้ปกครองใต้พิภพยามนี้แทบไม่เหลือความสุขุม ได้แต่นั่งหอบหายใจสะกดกลั้นอารมณ์ที่ตีตื้นขึ้นมาเท่าทวี แต่ก็ไม่ได้ไร้สติจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักหน่วงที่เดินเข้ามาใกล้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร ความหนักอึ้งของผืนอากาศ อาการที่เวียนหัวจนแทบขาดสติ คงไม่พ้นชายผมแดงผู้นั้นเป็นแน่ ไม่รอให้พบตัว ฮาเดสก็ยัดกายลุกขึ้นเปิดประตูวงเวทกลับสู่แดนโลกันตร์อันมืดมิดของตนทันที เขาร่วงลงสู่เตียงกว้างในห้องนอนของตนเอง อาการร้อนผ่าวยั่งแล่นไปทั่วกาย โอเมก้าผู้อยู่เพียงลำพังจึงได้แต่ก่ายกอดตัวเองเอาไว้ในห้องอันหนาวเหน็บเพียงเท่านั้น
ธอร์ เทพสายฟ้าแห่งนอร์ส ตั้งแต่เท้าที่ย่างกายเข้ามายังวาระการประชุมไร้สาระ เขาก็รู้สึกได้ถึงกระแสบางอย่างที่แล่นไปทั่วกาย อย่างอย่างที่ดึงดูดเขาราวกับลางบอกเหตุ จนกระทั่งการปรากฏตัวของหนึ่งในเทพกรีก แม้จะอยู่ห่างกันคนละฝากแต่กลิ่นหอมของดอกไลแลคเจือจางยังคงลอยเข้ามาในโสตประสาทจนแถบมัวเมา ดวงตาราวอเมทิสต์ที่สบกันนั้นไม่มีแววปิติดีใจที่เจอคู่โชคชะตา มีแต่ความหวาดกลัวและเกลียดชังออกมาเด่นชัด ไม่ทันที่ธอร์จะทำอะไรได้ อีกฝ่ายก็เดินหนีออกไป มีสายตาอัลฟ่ามากมายมองไปยังร่างด้วยตัณหาจนในใจของเทพหนุ่มรุ่มร้อนดั่งไฟสุ่ม เส้นผมสีเงินออกขาวนั้นเปล่งประกายไปตามแรงไหว ชวนมอง เทพนอร์สแห่งความอุดมสมบูรณ์ผุดลุกขึ้นแล้วรีบเร่งเดินตามไป หวังว่าจะได้กล่าวทักทายกันเพียงประโยคสองประโยค ทว่าแม้จะเร่งฝีเท้าเดินเร็วแค่ไหนก็ไม่พบตัวเทพผู้นั้น มีเพียงความว่างเปล่าและกลิ่นหอมของดอกไลแลคอ่อนหวานที่ทิ้งไว้
ทำไมต้องหนีด้วย
ธอร์ไม่เข้าใจและไม่คิดจะเข้าใจ ใช่ความอัลฟ่าทุกคนจะได้พบกับคู่แห่งโชคชะตาแสนพร่ำเพ้อ แม้จะไม่คิดเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อในวันที่เขาได้เจอเข้าเองกับตัว แต่คู่แท้ที่ว่าดันหนีหายไปราวกับสายลม ไม่มีคำทักทายหรือคำลำลา ไม่มีเสียงหรือผิวกายให้จดจำ มีเพียงดวงตา ดวงตา เส้นผมเงินสว่างที่ได้มองจากส่วนห่างไกลเท่านั้นที่ยังติดตรึงให้คิดถึงทุกคราราวกับฝันที่ตามเกาะติดไม่ยอมปล่อย
เขาเฝ้ารอ รอ และรอหวังว่าจะได้พบกันอีก แต่พันปีต่อมาก็ไร้วี่แวว ฮาเดส ผู้นั้นไม่ได้มายังการประชุมสำคัญของเหล่าเทพจากทั่วโลก มันทำให้ธอร์ผู้สึกผิดหวังจนเหมือนโดนละทิ้ง ความไม่เข้าใจตีตื้นไปหมดทุกสัดส่วนโดยเฉพาะอกซ้ายของตน ที่บับคั้นรวดร้าวจนผืนนภาอึมครึ้มไปด้วยพายุสายฟ้า
หากเจ้าไม่ยินยอมขึ้นมา...
งั้นข้าจะลงไปหาเจ้าเอง
แม้จะเป็นการกระทำที่อุกอาจจนไม่น่าให้อภัย และผิดกฎที่เทพจากแดนอื่นเข้ามารุกรานยังแดนกรีก ถึงกระนั้นธอร์ก็มิได้สนใจ เขาฝ่าเข้ามาราวกับอสูรคลั่งในเวลาแค่ไม่กี่นาที ทั้งพวกบริวารในนรกยังไม่กล้าหือเพราะอนุภาพทำลายล้างอันดั่งกระฉ่อนไปทั่วหล้า โดยที่ฮาเดสไม่รู้เลยว่ากำลังมีใครรุกรานเข้ามา
สงครามไม่เคยจากไปยังโลกของมนุษย์ คนตายเป็นว่าเล่นไม่ต่างจากใบไม้ร่วง นั้นเพิ่งงานอันแสนสาหัสให้กับเขาจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาเกือบเดือน ความอ่อนล้าเริ่มกลืนกินจนบางครั้งแทบสิ้นสติคากองเอกสาร แต่เพราะต้องทำให้เสร็จ ต้องพิพากษาดวงวิญญาณพวกนั้นให้เข้าที่เข้าทาง
อยากนอนชะมัด
ฮาเดสคร่ำครวญในใจ แต่มือก็ยังไม่หยุดทำงานที่กองเป็นมรสุม
ธอร์เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของจ้าวนรกอย่างมิกลัวเกรง แผ่รังสีอัลฟ่าออกมาจนมวลอากาศรอบด้วยนั้นหนักอึ้งพร้อมกับกลิ่นของสายฝนที่ชวนให้อึดอัด ฮาเดสที่ปวดหัวกับการทำงานอยู่แล้วเมื่อเจอเข้าไปแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ทรุดหนักจนคลื่นไส้
“เจ้า...”
“ทำไมเจ้าไม่ยอมเจอข้า” เทพเจ้าแห่งสายฟ้ารุดเข้าไปหา กระชากแขนที่ปิดปากอิ่มระเรื่อนั้นออกด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว ในใจเพียงคิดว่าอีกฝ่ายรังเกียจเขาขนาดนี้เลยหรืออย่างไร
"เจ้า…ปล่อยมือของเจ้าออกจากมือของข้าซะ บุตรแห่งโอดิน" ราชาแห่งเฮลไฮม์พยายามประคองเสียงของตนให้นิ่งที่ทรุด ทว่าก็ยากเย็นแสนเข็ญ กลิ่นกายที่แผ่ออกมาจากตัวของบุรุษเกศาดังทับทิมช่างรุนแรงจนร่างกายตอบสนองเกินกว่าจะต้านทาน อาการฮีทกำเริบขึ้นมาอีกครั้งจนบั้นท้ายชื้นแฉะอย่างน่าอาย รวมทั้งกายาที่ร้อนระอุดั่งถูกไฟสุ่มจนผิวกายสีขาวแดงไปทั่วทุกส่วน
"ทำไมข้าต้องปล่อยโอเมก้าของข้าด้วย" ธอร์เค้นเสียงคำรามราวฟ้าผ่า เขาเข้าไปกระชากแขนของฮาเดสเข้าหาตัวจนร่างที่อ่อนแรงเซถลาขึ้นมาบนโต๊ะ กองเอกสารร่วงหล่นกระจายไปทั่วพื้นห้อง หากเวลานี้เอกสารที่ว่าสำคัญดูจะไร้ค่าลงไปแทบทันที
"บังอาจ โอดินมิได้สั่งสอนมารยาทแก่เจ้าหรืออย่าง อือ" ไม่ทันตวาดด่าสั่งสอน ริมฝีปากช่ำดั่งทับทิมก็ถูกฉกฉวยและรุกล้ำเข้ามา ความดิบเถื่อนไร้ความอ่อนโยนแทบพาให้สำลัก ติดเพียงมือที่กดศีรษะของเทพอาวุโสมิให้ดิ้นหนี แม้จะผลักดันทุบตีแต่ก็ไร้พ้น ราวกับต่อกรอยู่กับหินผา
"พอ อื้อ ข้า อืม บอก... พอ" แม้จะเบี่ยงหลบ ก็ถูกตามมามอบความดื่มด่ำไม่รู้จบ จนเหมือนร่างกายถูกสูบพลังงานออกไปจนอ่อนระทวยในอ้อมแขนของเทพนอร์ส กายสั่นระริกไปด้วยแรงอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นเพียงเพราะจูบ สองใจตีกันรวนว่าจะสู้ต่อหรือโอนอ่อน ทว่าทีท่าขัดขืนกลับถูกปราบพยศด้วยฝ่ามือร้อนที่เลือนทาบประคองที่ต้นคอ ความอุ่นร้อนแผ่ซ่านกระจายจนเผลอทิ้งน้ำหนักใส่เจ้าของผมสีแดง
ธอร์ไม่ได้ถอยหนีซ้ำกระชับแขนที่รัดเอวให้แน่นขึ้นจนร่างเพรียวสูงไหลมาตามแรง ใจที่รุ่มร้อนเหมือนจะเย็นขึ้นเมื่อเห็นว่าคู่แห่งโชคชะตาผ่อนปรนให้ขนาดไหน รสจูบนันแสนเนิ่นนานกว่าจะยอมผละออกให้ฮาเดสกอบโกยอากาศ จ้าวแห่งเฮลไฮม์หอบจนตัวโยกเพียงสัมผัสจูบพร้อมกับส่งกลิ่นหอมดอกไลแลคอบอวลชวนฝัน
"จับคู่กับข้า" วาจาดั่งคำสั่งแต่กลับเจือไปด้วยทีท่าแสนอ้อนวอน ดวงตาสีอำพันที่ไม่เคยโอนอ่อนกับผู้ใด ยามนี้กำลังจำยอมให้กับโอเมก้าผู้งดงามเบื้องหน้า
"ข้า..." ฮาเดสอ้ำอึ้งเบนหลบสายตาที่จ้องมองตน หากธอร์ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น มือที่สวมถุงมือสีเข้มประคองใบหน้างามให้หันมาสบตา อเมทิสต์คู่งามสั่นไหว โอเมก้าที่ไหนจะใจแข็งเมื่อถูกอัลฟ่าที่เป็นคู่ของตนมองด้วยสายตาเช่นนี้ได้กัน
"ถ้าไม่พร้อมจับคู่กับข้า ข้ายินดีให้เวลาเจ้าเสมอ แต่อย่าหลบหน้าข้าอีก" เทพสายฟ้าขอร้องพลางซบหน้าผากลงกับหน้าผากเทพเบื้องหน้า คลอเคลียริมฝีปากราวกับเล่นกับขนนก ผิดกับตอนแรกที่จู่โจมใส่อย่างป่าเถื่อน
ฮาเดสคิดทบทวนอย่างชั่งใจ รู้ว่าหนีก็คงหนีไม่ได้ เมื่อบิดาของอีกฝ่ายเป็นถึงโอดิน เทพอาวุโสแห่งนอร์ส ถึงภายนอกจะดูเย็นชาไม่สนโลก หากกลับมีด้านที่ร้อนใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็ดูแลจะยึดติดกับเรื่องคู่แห่งโชคชะตามากกว่าที่คิดไว้เสียอีก
เห้อ ช่างเป็นอัลฟ่าหนุ่มที่ยุ่งยากเสียจริง
"ได้ ข้าจะไม่หลบหน้าเจ้า แต่อย่าบุ่มบ่ามเข้ามาแบบนี้อีก ข้าไม่ชอบ" ฮาเดสบอกออกไปเช่นนั้นด้วยน้ำเสียงติดไม่พอใจ หากนั้นก็ดีมากพอแล้วสำหรับอัลฟ่าหนุ่มเลือดนักรบ ธอร์ยิ้มกว้างก่อนจะรวบตัวโอเมก้าเบื้องหน้าเข้ามากไว้ในอ้อมแขนจนตัวลอย ฮาเดสที่ไม่คุ้นชินนักก็ได้แต่ยกมือขึ้นกอดตอบกลับอย่างเก้ๆกังๆ โดยไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากก็ถูกฉกชิมไปอีกครั้งพร้อมกับร่างกายที่ถูกเอนดันจนนอนแผ่ไปกับโต๊ะทำงานท่ามกลางแผ่นเอกสาร อเมทิสต์คู่งามเบิกกว้างพลางดันไหล่แกร่งออกมาเผชิญหน้า อ้าปากเตรียมดุว่า แต่ไม่ทันอีกเทพสายฟ้าที่ชิงตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
"ค่ามัดจำ"
จบ