Oh baby, There's no need for you to be jealous. “โอซุชิจาง~”
“จิ๊”
เฮือก
หากเป็นปกติในช่วงเวลาหลังพักกลางวันคงไม่มีใครได้เห็นหัวหน้าหน่วยอิงค์เดินเอ้อระเหยลอยชายอยู่ระหว่างทางเดินของตึกไปยังห้องของตนเองอย่างที่เจ้าหน้าที่หลายคนถึงกับหวาดผวาทันทีที่ได้พบเช่นนี้เป็นแน่
แต่ด้วยสาเหตุใดไม่อาจทราบ ร่างหนาถึงได้หยุดชะงักอยู่ที่ริมหน้าต่างแล้วหลุดจิ๊ปากออกมาให้ผู้ที่เดินสวนไปมาถึงกับสะดุ้งจนตัวโยนอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
และแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปถาม
ซึ่งบรูโน่ บังไนฟ์ก็ไม่คิดจะตอบคำถามของใครอยู่แล้วด้วย
ว่าอะไรที่กำลังกวนใจเขาจนอยากทุบกระจกตรงหน้าให้มันพังไปซะตอนนี้กันแน่
ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะกำลังสะท้อนอยู่ในนัยน์ตาคมจนหากมีคนสังเกตเพียงนิดก็จะเดาได้ไม่ยาก
หรือแค่จะมีใครได้ลองเอะใจว่าข้างกายของหัวหน้าหน่วยอิงค์มันว่างเปล่าแบบแปลก ๆ
ก็คงจะทราบได้ทันทีถึงต้นตอของความหงุดหงิดที่ทำให้ท็อปออฟฮอร์นคนเก่งงุ่นง่านมานานนับสัปดาห์
“โอ๊ะ”
ยังไม่ทันจะได้ก้าวเดินต่อเพื่อไปจัดการงานที่ล้นมือคลายความขุ่นมัวที่มีอยู่ เสียงเล็กของใครบางคนก็ดังขึ้นมาจนใบหน้าหล่อเหลาต้องหันไปหาต้นทาง
“หมอนั่นทำอะไรโอซุชิจังอีกแล้วน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะนินี่จัง ก็มีเธอคนนั้นอยู่ด้วยนี่นา”
“เห เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไงนี่ฮะ”
“ต้องรู้สึกอะไรด้วยเหรอคะ”
“ก็ช่วงนี้บัลโก้ไม่ค่อยได้มาตามเธอเหมือนปกติเลยไม่ใช่เหรอ”
ยังไม่ทันที่น้ำเสียงหวานของหญิงสาวผมเข้มอย่างนิฮาชิ โนเอลจะตอบกลับคำถามนั้น ดวงตากลมโตก็เหลือบไปเห็นผู้ที่ยืนค้างอยู่ริมหน้าต่างเบื้องหน้าเสียก่อนจนเผลอชะงักปลายเท้า
“อ๊ะ คุณบรูโน่”
“นี่เธอเพิ่งเห็นเขาหรือไง ควรจะรู้ตัวตั้งแต่เดินพ้นมุมตรงนั้นมาแล้วนะ”
“ก็ในสายตาฉันมีแต่นินี่จังนี่คะ”
นินี่ สแปรงโคลด์ถึงกับกุมขมับกับคำตอบนั้น เรือนผมสีบลอนด์ทองส่ายไปมาอย่างเอือมระอา ในขณะที่คำพูดของสองสาวกลับยิ่งเป็นตัวจุดชนวนให้บรูโน่ บังไนฟ์หมดความอดทน
“ยัยเด็กบ้าพวกนี้ อยากตายนักหรือไง ห๊า”
ยังไม่ทันที่หัวหน้าหน่วยอิงค์จะคำรามจนจบประโยค เจ้าหน้าที่วิงไบน์ทั้งสองก็เผ่นแน่บไปโดยพลัน ทิ้งไว้แต่ร่างสูงที่โมโหจนใบหน้ามืดครึ้มเพียงลำพัง
พร้อมกับน้ำเสียงหวานอันแสนคุ้นเคยที่ร้องเรียก ‘โอซุชิจัง’ ลอยมาตามลม
ซึ่งไม่อาจดับความรุ่มร้อนที่กองสุมอยู่ในใจของบรูโน่ บังไนฟ์ได้เลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
/
“โอซุชิจังนี่น่ารักจังเลยน้า~”
“ใช่ไหมล่ะครับ ยิ่งเวลายอมให้อุ้มแบบนี้น่ะน่ารักที่สุดเลย”
ช่วยไม่ได้ที่บางครั้งตำแหน่งทูตสาวจากญี่ปุ่นประจำโซลโซไซตี้ตะวันตกมันก็ว่างงานจนทำให้เธอสามารถออกมาเดินเล่นระหว่างวันได้เป็นประจำ
นั่นรวมไปถึงการแวบมาหาสุนัขมังกรแสนน่ารักขนฟูอย่างโอซุชิจังที่กำลังถูกอุ้มอวดโดยเจ้าของอย่างบัลโก้ ปาร์คไม่ห่าง
“ขอฉันอุ้มมันบ้างสิ”
“นี่ครับ นิ่ง ๆ นะโอซุชิจัง”
“หวา ตัวหนักกว่าที่คิดนะเนี่ย~ นึกว่าแค่ขนฟูเฉย ๆ ซะอีก ฮึ เด็กดี ๆ”
หัวใจคนรักสัตว์สองชีวิตกำลังฟูฟ่องจนถึงขีดสุด
แน่นอนว่ากับบัลโก้ก็ต้องเป็นเพราะมีคนได้มาเห็นความน่ารักของโอซุชิจังเพิ่มอยู่แล้ว ตั้งแต่มาอยู่ที่รีเวิร์สลอนดอน ด้วยสถานะมังกรสิงสู่รวมไปถึงเจ้าหมาน้อยก็กลายเป็นสุนัขมังกรในสายตาของคนที่นี่ ทำให้เขาอดจะรู้สึกห่อเหี่ยวไม่ได้เพราะไม่มีใครเลยสักคนที่มาชื่นชมเจ้าสัตว์เลี้ยงขนฟูแสนรักของเขาอย่างที่เคย
ในขณะที่ตัวหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มก็ตาลุกวาวเพราะนาน ๆ ทีจะได้มาเล่นกับสัตว์เลี้ยงแสนเชื่องเช่นนี้ สัมผัสนุ่มฟูอดจะทำให้ใจดวงน้อยหลอมละลายไปด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ยิ่งเห็นดวงตาดำขลับใสแป๋วช้อนมองยิ่งทำเอาอยากจะอุ้มกลับบ้านมากกว่าส่งคืนสู่เจ้าของเสียอีก
ทูตสาวยิ่งแย้มรอยยิ้มในใจเพราะคิดขึ้นมาได้ว่านึกไม่ผิดจริง ๆ ที่มาตีสนิทบัลโก้ ปาร์คไว้ ถึงจะเป็นคนที่เคยเป็นเป้าหมายในการกำจัดของบรูโน่ก็ตาม แต่แค่เขามีเจ้าหมาน้อยน่ารักตัวนี้ไว้ในครอบครองก็แสนจะสร้างประโยชน์ได้มากมายในสายตาเธอแล้วล่ะ
“อ๊ะ โนเอลจัง”
“ฉันก็อยู่นี่ด้วยนะยะ”
“สวัสดีค่ะคุณบัลโก้”
ก่อนเสียงความวุ่นวายที่ตามมาจะทำให้เธอต้องผละใบหน้าออกจากความนุ่มนิ่มที่อยู่ในอ้อมอก ใบหน้าหวานแย้มรอยยิ้มบางขณะที่ค้อมหัวทักทายเจ้าหน้าที่วิงไบน์ที่มาใหม่ทั้งสองซึ่งเป็นผู้ดูแลมังกรสิงสู่อย่างเป็นทางการ ยื่นโอซุชิจังในมือไปหาหญิงสาวผมเข้มด้วยความไม่เต็มใจเล็กน้อย แม้ว่าขาหน้าของเจ้าตัวเล็กจะพยายามตะกายไปหาเจ้าหล่อนเต็มที่ก็ตามที
“อ๊ะ..”
“มีอะไรเหรอ”
และสีหน้าที่เคยนิ่งสงบของโนเอลซึ่งบัดนี้เบิกตากว้างขึ้นมาเล็กน้อยขณะที่จดจ้องมาที่เธอก็ทำให้คนถูกมองต้องเลิกคิ้วกลับด้วยความสงสัย
“..คุณบรูโน่เพิ่งเข้าห้องทำงานไปเมื่อกี้น่ะค่ะ”
“เอ๊ะ เมื่อกี้เหรอ”
ซึ่งประโยคต่อมาก็ทำเอาเธอถึงกับต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อมองนาฬิกาข้อมือก็ยิ่งเกิดความสงสัยเพราะนี่มันเลยเวลาพักเที่ยงมาเกือบชั่วโมงแล้ว หัวหน้าหน่วยอิงค์ผู้นั้นมีตารางเวลาในการทำงานที่ค่อนข้างชัดเจน และร่างเล็กมั่นใจว่าวันนี้อีกฝ่ายต้องจัดการงานเอกสารทั้งวัน คนบ้างานแบบนั้นไม่มีทางที่จะเข้างานสายแม้จะเป็นช่วงบ่ายก็ตามอย่างแน่นอน
“แปลกจัง…” น้ำเสียงหวานพึมพำออกมาเสียงแผ่ว ก่อนจะเอ่ยลาเด็ก ๆ ทุกคนตรงหน้าทันใด “งั้นฉันไปก่อนดีกว่า บ๊ายบายนะทุกคน บ๊ายบายโอซุชิจัง ไว้เจอกันใหม่น้า”
เพียงพริบตาร่างบางก็หายวับไปกับตา ทิ้งอีกสามคนและหนึ่งตัวไว้ที่สวนสวย ขณะที่ไอดอลสาวเหลือบมองรุ่นน้องข้างกายด้วยสายตารู้ทัน
“นี่เธอฝึกเป็นแม่สื่ออย่างงั้นเหรอ”
“ฉันแค่ไม่อยากถูกขู่ฆ่าทุกครั้งที่เดินผ่านคน ๆ นั้นค่ะนินี่จัง”
“เอ๊ะ อะไรน่ะ มีอะไรกันเหรอ”
“หงิง”
พร้อมกับที่ชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวมีสายตาว่างเปล่ามองสองสาวสลับไปมาไม่ต่างจากโอซุชิจังเลยสักนิดเดียว
/
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แกร่ก
ไม่รอให้มีเสียงเชิญเข้าห้อง ผู้ที่คุ้นเคยดีกับห้องทำงานของบรูโน่ บังไนฟ์ก็เปิดประตูไม้เนื้อดีเข้าไปทันใดหลังจากที่เคาะส่งสัญญาณให้ผู้เป็นเจ้าของรู้ตัวเรียบร้อย
“บรูโน่— ริกเคนบักเกอร์”
แต่ภาพเบื้องหน้าที่เห็นก็ทำเอาถึงกับต้องอ้าปากค้าง
ชายหนุ่มร่างหนาเจ้าของเรือนผมสีเข้มซึ่งเซตทรงมาอย่างดีทุกวัน วันนี้ก็ยังคงครองพื้นที่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เช่นเคย
เสียก็แต่มีบางอย่างที่แปลกไปอย่างมาก
ห้องทำงานแสนกว้างขวางดูเล็กลงไปถนัดตาเมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอย่างมังกรคู่ใจของหัวหน้าหน่วยอิงค์นอนหาวหวอดอยู่หลังเจ้าของอย่างสบายอกสบายใจไปด้วยเช่นนี้
ยังไม่ทันที่ทูตสาวซึ่งเพิ่งปิดประตูห้องลงจะได้ตั้งตัว นัยน์ตาคมของเจ้าริกเคนบักเกอร์ที่เคยง่วงงุนก็กลับมาเป็นประกายเมื่อเห็นคนมาใหม่ มันก้าวเดินมาหาร่างเล็กอย่างเชื่องช้าก่อนจะถูไถศีรษะออดอ้อนกับมือบางที่ยื่นไปหาเจ้าตัวใหญ่ตามสัญชาตญาณ
“บรูโน่..ทำไมเรียกริกเคนบักเกอร์ออกมาล่ะ”
เป็นที่รู้กันว่าเจ้ามังกรสีน้ำเงินตัวนี้จะมาหาเจ้านายของมันเมื่อถูกเรียกขานเท่านั้น หญิงสาวจึงอดถามขึ้นมาไม่ได้เมื่อนี่นับเป็นเรื่องประหลาดอยู่พอประมาณที่บรูโน่จะเรียกมันออกมาเพื่อให้นอนเฝ้าตัวเองทำงานเฉย ๆ
แต่แม้ว่าใบหน้าหวานจะชะโงกผ่านสัตว์ในตำนานร่างยักษ์ไปหาอีกฝ่าย ก็เห็นเพียงเสี้ยวหน้าคมที่สนใจแต่เอกสารในมือเท่านั้น ไม่มีวี่แววว่าจะเหลือบมองมาทางเธอแม้แต่นิด
“บรูโน่”
ชัดเจนว่านี่มันผิดปกติยิ่งกว่าริกเคนบักเกอร์ปรากฏกายอยู่ตรงนี้เสียอีก
ดูเหมือนว่าตัวเธอจะเผลอทำอะไรสักอย่างให้อีกฝ่ายไม่พอใจไปโดยไม่รู้ตัวซะแล้ว ไม่งั้นคนอารมณ์ร้อนคงไม่นิ่งเงียบ แสดงท่าทางเมินเฉยออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้
ร่างเล็กแอบเบะปากลงเล็กน้อย ในหัวครุ่นคิดไปถึงสาเหตุของความปั้นปึงนั้นขณะที่ปีนขึ้นไปนั่งบนหลังของเจ้ามังกรตาคมไปด้วยพร้อมกับกระซิบให้ริกเคนบักเกอร์เดินกลับไปหาเจ้านายของมัน
หงืด
คนที่เก๊กทำขรึมอยู่ด้วยความขุ่นมัวในใจต้องชะงักมือที่กำลังอ่านรายละเอียดงานทันทีเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วที่แสนคุ้นเคยของเจ้าสัตว์คู่ใจซึ่งกำลังถูไถหัวมาที่เอวสอบของตน
ร่างหนายอมวางเอกสารลงในที่สุด ท่อนแขนแกร่งยื่นไปลูบบนหัวของมังกรใหญ่ขณะที่พึมพำว่าเด็กดีก่อนจะต้องนิ่งค้างเมื่อเหลือบไปเห็นอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังนั่งอยู่บนหลังของริกเคนบักเกอร์
แถมยังทำสายตาพราวระยับเหมือนกำลังได้เห็นของหายากอีกต่างหาก เหอะ ยัยตัวแสบนี่
“อยากเป็นเด็กดีของนายบ้างจังเลยน้า”
“เงียบน่า”
ตุบ
ร่างเล็กยอมโดดลงจากเจ้าตัวยักษ์ในที่สุด ก่อนจะก้าวมานั่งกอดเข่าข้างหัวมังกรที่กำลังจะเคลิ้มหลับอีกรอบ ช้อนนัยน์ตากลมโตขึ้นมองชายหนุ่มขี้โมโหอย่างออดอ้อน
“แล้วฉันล่ะ”
เพื่อเรียกร้องความสนใจในการเป็นเด็กดีของบรูโน่ บังไนฟ์บ้าง
แน่นอนว่ามันทำให้เจ้าของมือหนาที่วางอยู่บนผิวเนื้อแข็งของสัตว์ในตำนานชะงักค้างอีกรอบ ใบหูทั้งสองข้างของคนผิวขาวขึ้นสีชัดจนหญิงสาวต้องกลั้นยิ้มเสียหน้าเบี้ยวเพราะไม่อยากถูกคนตรงหน้าเมินอีกรอบเสียก่อน
“เหอะ ใครจะไปเหมือนเธอ”
แต่คำประชดประชันที่ได้รับก็ทำเอาคนโดนว่าถึงกับสมองเบลอไปชั่วขณะหนึ่ง
ใบหน้าหวานเอียงคอมองคนที่นั่งอยู่สูงกว่าด้วยความสงสัยว่าตัวเธอไปทำอะไรให้ชายหนุ่มไม่พึงพอใจถึงขนาดนั้น คำว่าเหมือนเธอที่ว่านี่มันการกระทำไหนกัน การลูบหัวคนอื่นหรือการชมคนอื่นว่าเด็กดีอย่างนั้นเหรอ
ทูตน้อยมั่นใจว่าเธอก็ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นกับคนไปทั่ว เว้นเสียก็แต่…
“นี่นายหึงฉันเหรอ” ก่อนคำพูดที่อยู่ ๆ ก็ถูกโพล่งออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจะทำให้บรูโน่ถึงกับไปไม่เป็น ไม่คาดคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะเข้าใจความนัยที่เขาต้องการจะสื่อไวขนาดนี้
“กับโอซุชิจังน่ะนะ”
ก่อนจะต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาจนแทบหมดปอด
เขาไม่น่าคาดหวังกับยัยนี่มากไปเลยจริง ๆ
แต่ก็สมแล้วล่ะนะ
“อ๊ะ อย่าขยี้หัวฉันสิ”
“นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
“อะไรเล่า ฉันแค่ชอบเล่นกับโอซุชิจังเอง”
“นี่เธอคิดว่าฉันโมโหเธอกับไอ้หมาขนฟูนั่นจริง ๆ ”
ถึงแบบนั้นบรูโน่ยังคงเลี่ยงคำว่าหึงหวงได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“เอ๊ะ แล้วไม่ใช่เหรอ”
ร่างเล็กทำท่าเหลอหลาได้น่ามันเขี้ยวจนมือหนานึกอยากเปลี่ยนจากขยี้กลุ่มผมนุ่มให้ฟูขึ้นมาเป็นการเขกกะโหลกสักทีแต่ก็ยังกลั้นใจไว้ได้ เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อแล้วหันไปสนใจกองงานที่อยู่บนโต๊ะแทนเพราะหากบอกสาเหตุที่แท้จริงออกไปคงไม่วายโดนดวงตากลมโตนั่นหยอกล้อหนักกว่าเดิมเป็นแน่
แต่คนที่คลอเคลียอยู่กับต้นขาแกร่งก็ยังคงไม่จากไปไหนจนจิตใจที่ขุ่นมัวกลายเป็นยุบยิบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ริกเคนบักเกอร์ถอยไปงีบหลับอยู่ด้านหลังตั้งนานแล้ว แต่ทูตสาวตัวน้อยกลับถือวิสาสะซบใบหน้าลงกับหน้าตักกว้างไม่ห่าง เพราะกลัวว่าถ้าผละห่างออกไปคงได้ถูกเมินอีกครั้ง โดยไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าการกระทำนั้นชักจะทำให้หัวหน้าหน่วยอิงค์ทนไม่ไหวมากขึ้นทุกที
“..หรือว่าจะเป็นบัลโก้”
ก่อนชื่อไม่น่าฟังที่หลุดออกมาจากน้ำเสียงหวานเพียงแผ่วเบาจะพังทุกความคิดของบรูโน่ที่กำลังดีขึ้นตามลำดับลงไปทันควัน
และแรงกดดันที่ถูกแผ่ออกมาก็มากมายเสียจนหญิงสาวที่เผลอหลุดพูดสิ่งที่อยู่ในความคิดหุบปากฉับ เข้าใจได้ทันทีว่ามาถูกทางของจริงแล้ว
“บรูโน่ คือฉันกับบัล—”
“เธอคงไม่คิดว่าฉันใจเย็นมากพอที่จะฟังชื่อเจ้านั่นอีกเป็นครั้งที่สองหรอกใช่ไหม”
น้ำเสียงเย็นเยียบแต่แฝงไว้ด้วยแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจนทำให้หญิงสาวที่ถูกขัดขึ้นมาต้องกลืนสิ่งที่คิดจะพูดลงคอไปอีกรอบ ใบหน้าหวานยิ้มแห้งขณะที่สบสายตาคมซึ่งกำลังก้มมองตัวเองอยู่ไม่ต่างกันก่อนจะค่อย ๆ คลอเคลียใบหน้าตนไปกับหน้าตักแกร่งหวังให้อีกฝ่ายใจเย็นลง
“บรูโน่…” มือเล็กดึงรั้งท่อนแขนของชายหนุ่มลงมาจากโต๊ะทำงาน จัดการให้ฝ่ามือหนาวางลงบนศีรษะของตนขณะที่ช้อนนัยน์ตากลมโตจดจ้องใบหน้าหล่อเหลาอย่างออดอ้อนสุดหัวใจ
“ฉันมีนายแค่คนเดียวมาตลอดเลยนะ”
เพียงเท่านั้นก็ราวกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุมอดดับลงในเสี้ยววินาที ใบหน้าถมึงทึงอ่อนลงถึงเจ็ดส่วน ค่อย ๆ ลูบมือไปตามกลุ่มผมนุ่มโดยไม่มีใครบังคับอย่างอ่อนโยน สวนทางกับภาพลักษณ์โหดเหี้ยมในสายตาของใครหลายคน
หากไม่ใช่คนสำคัญ แน่นอนว่าไม่มีทางได้เห็นภาพนี้เป็นแน่
ทูตสาวแอบพรูลมหายใจออกมาทันทีเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงจนบรรยากาศผ่อนคลายกลับมาอย่างแท้จริงในที่สุด อดนึกขึ้นมาไม่ได้ว่าบัลโก้ ปาร์คติดหนี้บุญคุณเธออย่างหนักแล้วล่ะรอบนี้ ไม่งั้นบรูโน่คงได้พาริกเคนบักเกอร์ไปออกกำลังกายด้วยการขยำคนเล่น ๆ จนตายอย่างแน่นอน—
จุ๊บ
“อ๊ะ”
ขณะที่เผลอคิดนู่นนี่ไปอย่างเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีสัมผัสอุ่นนุ่มก็ก้มลงมาปะทะบนหน้าผากสวยจนผู้ที่นั่งแบะขาอยู่บนพื้นพรมต้องสะดุ้งจนตัวโยน เผลออ้าปากค้างเพราะไม่ทันคาดคิด
เงยหน้ามาอีกที ระยะห่างระหว่างเธอและใบหน้าคมก็แทบไร้ช่องว่างจนใจดวงน้อยกระตุกสั่นขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม
“และเธอไม่มีสิทธิ์ไปมีใครนอกจากฉันอีกแล้วด้วย จำไว้ซะ”
จำได้ขึ้นใจเลยล่ะ
หมายถึงรอยจุมพิตหลังจากนั้นที่ถูกประทับลงมาย้ำเตือนอีกหลายครั้งจนริมฝีปากเธอบวมช้ำไปหลายวันน่ะนะ
หัวหน้าหน่วยอิงค์นี่ช่างหึงโหด— อ่า ไม่สิ โหดเหี้ยมอย่างที่เขาคิดกันจริง ๆ
fin.