🔱 Engrafted upon Thee 🔱 Grishaverse AU 🔶 05 ⚜️
ในช่วงชีวิตของเด็กหนุ่มที่เกิดและเติบโตในชนบทอันแสนสงบคนหนึ่ง การเดินทางสู่พระราชวังอันเป็นศูนย์รวมความเจริญนั้นไม่เคยอยู่ในหัวของโทมัส ฮอลแลนด์ แม้แต่ชั่วครู่เดียว
ต่อให้นั่นคือความจริง เขาก็ไม่อาจปฏิเสธคำเชื้อเชิญของเหล่าอัศวินหน้าตาเคร่งขรึมที่พากันแห่มาอยู่หน้าบ้านหลังไม่เล็กไปไม่ใหญ่มากซึ่งทอมแยกมาอยู่กับพี่ชายได้
สาเหตุไม่ได้เป็นเพราะเขาหวาดกลัวรูปร่างสูงล่ำดั่งหินผาของอัศวินทั้งหลาย แต่เป็นเพราะจดหมายจากพี่ชายคนที่ว่า
คนที่เรียกได้ว่าเป็น 'ครอบครัว' เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ เพราะเขาและพี่ถูกขับไล่อย่างอ้อมๆจากคนร่วมสายเลือด ผู้ให้กำเนิดซึ่งอ่อนแอเกินกว่าจะทนมองใบหน้าที่ถอดแบบมาจากเหล่าภรรยาผู้เป็นที่รักซึ่งจากไปตลอดกาลได้
ทั้งเขาและพี่ชายรู้ดีว่าคนคนนั้นก็แค่อยากจะเอาใจภรรยายังสาวซึ่งไม่สบายใจกับการที่ลูกของเจ้าตัวจะกลายเป็นทายาทลำดับที่สามของครอบครัว ชายผู้ให้กำเนิดเขาและพี่แอนดรูว์เป็นคนโหดร้ายเลือดเย็นเช่นนี้ เขากับพี่ถึงเลือกที่จะใช้นามสกุลฝั่งแม่ตั้งแต่ออกจากบ้านมา
แม้จะยังกังขา แต่ทอมรู้อยู่แก่ใจว่าเหล่าชายหน้าโหดที่ล้อมหน้าล้อมหลังเร่งเขาให้ขึ้นรถม้าตามมาพร้อมข้าวของจำเป็นนั้นไขข้อสงสัยเจ้าหนูจำไมร้อยคำถามอย่างเขาไม่ได้ซักข้อ
เด็กหนุ่มวัยสิบแปดจึงเก็บงำความสงสัยไว้เต็มอก ทบทวนสถานการณ์ในหัว ระหว่างที่ล้อรถเคลื่อนตัวจากชนบทเล็กๆสู่ถนนอันทอดยาวสู่นครหลวง ไม่มีเวลาแม้แต่จะสนใจสายตาใคร่รู้จากรอบทิศที่ต่างพากันตั้งข้อสันนิษฐานอย่างหลายหลากถึงตัวตนของผู้ที่นั่งอยู่ในรถม้าคันใหญ่
เบาะนุ่มๆของรถม้าคันหรูช่วยปกป้องบั้นท้ายของทอมจากความทรมานกว่าครึ่งค่อนวัน ในที่สุดเจ้ายานพาหนะที่ดูดีเกินกว่าจะเป็นสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ในพระราชวังหลวงก็พาเด็กหนุ่มมาถึงที่หมาย
เขาโดดลงจากรถม้าอย่างแคล่วคล่อง ตากลมสีน้ำตาลเข้มมองไปยังตึกสูงอันโอ่อ่าที่ตั้งตระหง่านทัาทายกาลเวลามานับตั้งแต่สมัยก่อตั้งอาณาจักร ทอมเผยอปากเปล่งเสียงอุทานติดสำเนียงบ้านเกิด ทำเอากลุ่มอัศวินที่อารักขาเจ้าตัวมาต่างลอบขำด้วยใจเอ็นดู ตอนพวกเขาเห็นพระราชวังครั้งแรกก็มีท่าทางตื่นเต้นจนอดอุทานไม่อยู่ไม่ต่างกัน
ยิ่งปฏิกิริยาเหล่านั้นมาจากเด็กหนุ่มที่ร่าเริงราวกับลูกสุนัขตัวโตแล้วก็ยิ่งทำให้ใครต่อใครนึกเอ็นดูมากกว่าดูแคลน
อย่างไรเสีย....คนคนนี้ก็กำลังจะเป็นคนที่จะไม่มีใครที่ยังรักชีวิตบังอาจหยามหมิ่นได้อีกต่อไป
"เชิญทางนี้ขอรับ มายลอร์ด"
ทอมยังกระอักกระอ่วนกับคำเรียกที่ให้เกียรติตามประสาคนที่ไม่เคยชิน คนแถวบ้านมักเรียกเขาอย่างติดปากกันว่าเจ้าตัวแสบ ความไม่เคยชินทำให้เขาได้แต่เดินตามอัศวินกรีชาไปด้วยความหวั่นใจ แต่ไม่นานก็ถูกสิ่งใหม่เบี่ยงเบน
ตามทางเดินที่ทอดสู่ส่วนในของปราสาทหินสีขาวอมเทานั้นเจิดจ้าด้วยคบเพลิงเวทย์มนตร์ ไฟสีฟ้าครามอันแสนแปลกตาสำหรับประชาชนทั่วไปกลับเป็นแหล่งพลังงานที่มองไปทางไหนก็เจอ ช่างสมกับเป็นศูนย์รวมอำนาจของประเทศนี้
ทอมมองตามมาอย่างกระตือรือร้นตามประสาเด็กที่สนใจใคร่รู้ในเรื่องการค้นคว้าทางเวทย์ อายุแบบเขาควรได้รับการศึกษาในระดับสูงเพื่อพัฒนาศักยภาพ แต่เงินเดือนฮีลเลอร์ของพี่ชายบวกรวมกับรายได้จากงานพิเศษของทอมก็ยังเป็นอุปสรรคใหญ่
เขาฝากความหวังไว้กับการสอบชิงทุนพระราชทานในปลายปีนี้ แต่สถาบันกษัตริย์กลับล่มสลาย บ้านเมืองกำลังอยู่ในพายุแห่งการเปลี่ยนแปลง แผนเรียนของทอมเองก็อาจจะต้องเลื่อนออกไป
ความหวังของเด็กหนุ่มดูเหมือนจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้รับคำเชิญจากพี่ชายต่างมารดา บางที...พี่แอนดรูว์อาจจะได้เลื่อนตำแหน่งด้วยความเร็วระดับก้าวกระโดด ถึงได้ให้เขาย้ายมาอยู่ด้วยกันที่เมืองหลวงแห่งนี้
บางทีสองพี่น้องที่ต้องอยู่ห่างจากกันมาแรมปีด้วยหน้าที่การงานของผู้เป็นพี่ชาย อาจจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง
"ท่านกำลังรออยู่ด้านในขอรับ เชิญ"
ชายผู้ดูสุขุมและงามสง่าโค้งคำนับและเปิดทางให้ทอมได้ก้าวเข้าไป สิ่งแรกที่ชวนให้เด็กหนุ่มแปลกใจคือเรือนกระจกที่มีขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา แมกไม้สีเขียวเติบโตปกคลุมโดมหลังคาซึ่งสาดแสงสีเงินยวงจากดวงจันทร์และหมู่เดือนดาวบนฟากฟ้า สถานที่แห่งนี้มีไฟเวทย์ให้ความสว่างราวกับยามกลางวัน เรียกได้ว่าเป็นสวนสวรรค์ที่เมินเฉยต่อกาลเวลาด้านนอกโดยแท้จริง
ทอมรู้หลังจากนั้นไม่นานว่าเรือนกระจกหลังนี้เชื่อมระหว่างพระราชวังน้อยที่พี่ชายของเขาทำงานอยู่กับวังหลวง และเพิ่งสร้างได้ไม่นานด้วยเหตุผลเร่งด่วน แต่อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นเมื่อมีกองทัพกรีชา
ประเด็นก็คือท่านคนที่กำลังรอเขาอยู่ด้านในสถานที่พิเศษแห่งนี้คือใคร
"ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าจะไม่พบท่านจนกว่าจะได้พบเขา"
น้ำเสียงราบเรียบเยียบเย็นเช่นนี้ทอมรู้จักดี มันคือเสียงที่พี่ใช้เวลาไม่เชื่อฟัง ความทรงจำในวัยเด็กถูกกระตุ้นขึ้นมาจนทำให้ทอมเดินตัวเกร็ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องแผ่นหลังของร่างที่แสนคุ้นตา ฝ่ายนั้นรู้ว่ามีคนเข้ามาหาแม้ว่าจะไม่ได้เหลียวหลังมอง และเอาแต่สนใจตรวจดูความสมบูรณ์ของสมุนไพรที่ลงไว้ในแปลง
"แต่พี่เป็นคนเรียกข้ามาเองไม่ใช่หรือ"
คนตรงหน้าทอมหยุดชะงักแล้วหันกลับมามองน้องชายอย่างไม่สนใจสิ่งใด ดวงตาคู่เรียวที่เรียบนิ่งเย็นชาพลันกลับไปเป็นพี่ชายคนเดิมของทอม แอนดรูว์เผยยิ้มที่ไร้ซึ่งความเสแสร้ง โผเข้ากอดน้องชายที่ได้แต่สนทนากันทางจดหมายให้สมความคิดถึง
"ทอมมี่... ขอโทษที พี่นึกว่าเป็นคนอื่น เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง สูงขึ้นกว่าเดิมแล้วนะ"
แอนดูรว์สำรวจตรวจดูตัวน้องชายโดยไม่ขาดรอยยิ้ม หางตาของผู้เยียวยาหนุ่มมีน้ำสีใสคลอหน่วง แม้จะไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้พี่ชายดูเปลี่ยนไป แต่ทอมก็ตัดสินใจว่าจะยังไม่ทักท้วงเรื่องนี้ เขาซุกตัวกอดตอบคนเป็นพี่ที่สูงกว่าไม่มากแล้วเล่าเรื่องราวของตัวเองให้พี่ฟัง
สองพี่น้องย้ายสถานที่กันไปยังซุ้มศาลาที่ทำจากเหล็กทมิฬ ปูหมอนและเบาะนุ่มไว้รองจนเต็มพื้นที่ ทอมนั้นเป็นเด็กขี้จ้อโดนทุนเดิม ครึ่งชั่วยามที่ผ่านพ้นไปจึงกลายเป็นตัวทอมเองที่เล่าเรื่องราวได้ไม่หยุดปาก ส่วนพี่ชายนั่งอมยิ้มและส่งขนมส่งน้ำให้เขาเป็นพักๆ
"ดีแล้วล่ะที่ทางนั้นไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก พี่เองก็นึกห่วงอยู่ว่าพวกกบฏจะไปซ่องสุมกำลังใกล้เขตของพวกเราหรือเปล่า"
พี่ชายของทอมนั้นค่อนข้างจะเมินเฉยต่อความเป็นไปในประเทศ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงการปกครอง การที่อยู่ดีๆเขาก็สรุปออกมาในทำนองนี้จึงกระตุ้นความสงสัยของทอมมากขึ้นทุกที
"ถ้าพวกนั้นจะลุกฮือ มันเกี่ยวอะไรกับพวกเราหรือท่านพี่ ท่านบอกข้าเองนี่ว่าตระกูลของพ่อไม่เกี่ยวอะไรกับเรา หรือท่านยังห่วงพวกเขาอยู่"
"เหลวไหล ครอบครัวของพี่มีแต่เจ้า" ผู้เยียวยาหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเล ยืนมือมาลูบผมหยิกสีน้ำตาลที่ติดจะยุ่งเหยิงของเจ้าน้องชายพลางเอ่ยต่อ
"พี่ก็แค่กังวลว่าชาวบ้านในเขตปกครองจะได้รับผลกระทบไปด้วย พวกเขาดีกับเรามาก ถ้าหลีกเลี่ยงหายนะให้พวกเขาได้ พี่ก็อยากจะทำ"
"แล้วท่านจะทำอะไรได้ ท่านเป็นแค่ผู้เยียวยาตัวเล็กๆคนหนึ่งมิใช่หรือ" ทอมแย้งโดยไม่ได้สังเกตรอยยิ้มที่เจื่อนลงไปเล็กน้อยของคนเป็นพี่ แต่เมื่อสายตาของแอนดรูว์เผยออกมาว่าอยากบอกอะไรบางอย่าง ในที่สุดทอมก็รู้ตัว
"พี่มีอะไรอยากบอกข้าอีกหรือเปล่า"
"คือว่านะโทมัส" น้อยครั้งที่แอนดรูว์จะเรียกน้องด้วยชื่อจริง "มีเรื่องที่เจ้าจำเป็นต้องรู้ แล้วพี่ก็แน่ใจว่าเจ้าต้องกำลังสงสัยอยู่เป็นแน่ว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี่"
การนิ่งเงียบและรอฟังคือสิ่งหายากสำหรับทอม เขาทำให้ตัวเองไม่ว่างด้วยการรินชาเพิ่มและเติมน้ำตาลลงไปอีกก้อน ให้เวลาคนเป็นพี่ด้วยเรียบเรียงคำพูดในหัวสวยๆของเจ้าตัว
แต่ก่อนที่แอนดรูว์จะได้อ้าปาก ชายผู้มีบุคลิกท่าทางสุภาพคนเดิมกับที่ทอมเจอตรงหน้าทางเข้าก็ปรากฏตัวและโค้งคำนับอย่างนอบน้อมเป็นที่สุดให้กับพี่ชายของทอม
"ฝ่าบาท จะรับพระกระยาหารเย็นที่นี่หรือที่ห้องเสวยดีพ่ะย่ะค่ะ"
"ได้เวลาแล้วหรือ" แอนดรูว์ทำตาโตอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าค่ำจนค่อนดึกแล้ว "เอาเป็นที่นี่ก็แล้วกัน ช่วยให้คนเตรียมปลาย่างอร่อยๆไว้ให้ด้วยนะ"
"จะให้กระหม่อมเรียนองค์จักรพรรดิว่าอย่างไร"
"...บอกเขาว่าข้าต้องการความเป็นส่วนตัวเสียหน่อย แต่ข้ารับปากว่าคืนนี้จะไปหาเขาเอง"
หลังรับคำสั่งเสร็จ ชายผู้นั้นก็โค้งอีกครั้งและจากไป
"เมื่อครู่นี้เขาเรียกท่านว่าอะไรนะ"
แอนดรูว์ที่รู้ตัวได้แต่เกาแก้มอย่างเก้อๆ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร เจ้าน้องชายก็ลุกขึ้นตบโต๊ะจนแก้วเด้งขึ้นจากจานรอง ส่งเสียงดังเกรียวกราว เดชะบุญที่ชาในแก้วของเด็กหนุ่มไม่ได้ร้อนมากนัก ไม่อย่างนั้นเขาอาจต้องพึ่งการรักษาของพี่ชายเพราะเผลอทำชาหกรดตัวเองก็เป็นได้
"แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่"
tbc.