Recent Search
    You can send more Emoji when you create an account.
    Sign Up, Sign In

    kirahime_fanfic

    @kirahime_fanfic

    ☆quiet follow Send AirSkeb request Yell with Emoji 💖 👍 🎉 😍
    POIPOI 60

    kirahime_fanfic

    ☆quiet follow

    #wolfstar
    #kirahime_fanfic

    🧸 over the moon ※ part 23🌙🌙🌙

    กล่าวกันว่าในภาวะที่เผชิญกับความเครียด ร่างกายคนเรามักปฏิเสธอาหาร เรียกได้ว่าจดจ่ออยู่กับเรื่องที่รบกวนจิตใจมากเกินกว่าจะหาอะไรใส่ท้อง

    แต่สำหรับคนท้องแล้วนับเป็นข้อยกเว้น

    เขากำลังบำรุงชีวิตน้อยๆที่แสนสำคัญของเขากับซิเรียสให้อิ่มหนำสุขภาพแข็งแรง และด้วยความพยายามปรนนิบัติจัดหาอาหารรสเลิศมาเติมได้ไม่รู้จักหมดจักสิ้นของพี่น้องตระกูลแบล็ค ในที่สุดรีมัสก็มีน้ำมีนวลขึ้นมามากในระดับที่น่าพอใจ

    เมื่อ(ในที่สุดก็)กลับมามีพฤติกรรมกินอาหารตรงเวลาได้แล้ว รีมัส ลูปินจึงไม่ปฏิเสธคำเชิญร่วมโต๊ะอาหารจากเจ้าบ้านตระกูลแบล็ค

    อีกฝ่ายไม่ถามไถ่ว่าเขามาทำอะไรที่หน้าเตาผิงของห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์ตระกูลแบล็คอันโอ่โถงและคลุ้งไปด้วยกลิ่นอำนาจ ราวกับมั่นใจอยู่แล้วว่าเขาจะมาหาด้วยตัวเอง

    การคาดคะเนของสตรีสูงศักดิ์ผู้นี้ไม่ผิดไปจากความเป็นจริง สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ไม่ฟังคำขอร้องแกมบังคับของซิเรียส

    เขาก็แค่ไม่ชอบเป็นฝ่ายรอตั้งรับ

    ความกล้าหาญจนเข้าขั้นบ้าบิ่นเป็นคุณสมบัติของเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ และหมวกคัดสรรเองก็เห็นถึงคุณสมบัติข้อนี้

    วัลเบอร์ก้าไม่เคยปกปิดความดูหมิ่นเหยียดหยาม ทุกครั้งที่พบหน้ากันไม่ว่าจะในสถานการณ์แบบไหน เธอก็มักจะส่งผ่านความรู้สึกในใจผ่านดวงตาสีเข้มเยียบเย็น รีมัสอดใจหายไม่ได้ว่ามันช่างคล้ายกับซิเรียส แต่ก็เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น สามีของรีมัสมักจะทอดมองเขาด้วยความรักล้นทะลักอยู่เสมอ

    เนื้อย่างแบบกึ่งสุกกึ่งดิบแบบที่ชวนให้น้ำลายสอ ออมเล็ตและซุปข้าวโพดร้อนๆจากฝีมือเชฟของตระกูลแบล็ค แค่กลิ่นก็กระตุ้นความอยากอาหาร ยิ่งรีมัสคุ้นชินกับรสมืออาหารขั้นเลิศแล้วยิ่งทำให้ไม่อาจตั้งท่ามากความได้ เขาจับช้อนซุป จากนั้นภาพก็ตัดไปเป็นจานอาหารที่เกลี้ยงเกลาราวกับเสกให้หายไป กว่ารีมัสจะได้สติก็เป็นตอนที่ได้ยินเสียงคู่สนทนากระแอมไอและเอ่ยเสียงเรียบๆ

    "ถ้าเธอยังกินไหว ประเดี๋ยวจะให้เขายกพุดดิ้งออกมาเสิร์ฟต่อ"

    แน่นอนว่ากระเพาะของแม่ที่กำลังตั้งท้องนั้นราวกับหลุมดำอันน่าอัศจรรย์ใจ แต่รีมัสกระดากใจเกินกว่าจะก้มหน้าก้มตากินต่อ ถึงเวลาที่เขาควรจะเข้าเรื่องได้เสียที ไม่รู้ว่าซิเรียสจะตามมาลากเขากลับบ้านตอนไหน หรือความจริงแล้วเจ้าตัวอาจจะโผล่มาแล้วแต่โดนกันตัวไว้ก็เป็นได้

    "ไม่เป็นไรครับ ผมทราบมาว่าคุณอยากพบผม มีธุระอะไรหรือครับ"

    ชั่วขณะหนึ่ง แววตาที่เย่อหยิ่งของสตรีตรงหน้าเขาวูบไหวและลอบมองลงไปตรงหน้าท้องของรีมัส ถึงจะบอกว่สรีมัสมีน้ำมีนวลขึ้น แต่อันที่จริงก็เพียงแค่อ้วนขึ้นมานิดหน่อย ยิ่งเขาใส่ชุดถักไหมพรมที่ทำให้ตัวใหญ่เกินความจริงยิ่งยากจะผิดสังเกต

    "ถ้าถามว่าท้องจริงหรือท้องลม ผมยืนยันครับว่าในท้องผมมีเด็กอยู่จริงๆ"

    คำยืนยันของรีมัสดูจะมีน้ำหนักยิ่งกว่าสิ่งที่เค้นถามจากหมอประจำตระกูล อย่างไรเสียความลับก็ไม่มีบนโลก แล้วคุณหมอก็ยังต้องเกรงอำนาจผู้นำตระกูลที่แท้จริงอย่างวัลเบอร์ก้า หญิงสูงศักดิ์ผู้แสนเย็นชาขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะถอนหายใจ

    "เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมถึงไม่รีบบอก"

    "จำเป็นด้วยหรือครับ"

    "เธอพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร"

    "คุณตัดซิเรียสออกจากตระกูลแล้ว เด็กคนนี้ก็ไม่นับว่าเป็นหลานของคุณ ทำไมเรายังต้องรายงานให้คุณทราบด้วยล่ะครับคุณผู้หญิง"

    หากซิเรียสมาอยู่ตรงนี้คงได้ปรบมือให้ในความปากจัดของคู่ชีวิต แต่รีมัสไม่ได้มีเจตนาตามที่พูดไป เขารู้ว่ากับสตรีใจเด็ดเช่นนี้ การพูดจี้ตรงใจไปเลยจะทำให้เรื่องคืบหน้าได้ดีกว่า แถมยังเป็นโอกาสให้คู่สนทนาที่ปากแข็งได้ถามใจตัวเองอีกครั้งด้วย

    "นี่เธอ--"

    "ตั้งแต่วันที่คุณตัดเขาออกจากตระกูล เขาก็เป็นของผมแล้ว" รีมัสวางมือลงบนหน้าท้องที่นูนขึ้นเป็นรูปร่างของความสุข รอยยิ้มแผ่กระจายไปทั่วทั้งใบหน้า "รวมถึงของล้ำค่าที่เขามอบให้ผมด้วย"

    หญิงงามวัยกลางคนตรงหน้าเขาไม่เอ่ยอะไร ทว่าสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนกลับสื่อความกังวลใจจนคนใจอ่อนแบบรีมัสต้องยอมอ่อนให้ เขาเก็บสะสมความไม่พอใจที่วัลเบอร์ก้าสร้างบาดแผลในใจให้สองพี่น้องตระกูลแบล็คไว้มากมาย และเมืื่อเธอมีทีท่าว่าจะยื่นมือมาหาลูกของเขา มีหรือที่รีมัสจะยอมทน

    แต่การระเบิดความไม่พอใจใส่นั้นไม่ใช่คำตอบ อย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กในท้องเขามีสายเลือดตระกูลแบล็คไหลวนอยู่

    "ผมขอถามคุณอีกครั้ง คุณนายแบล็ค ทำไมคุณถึงอยากพบผม"

    แม้เสียงที่ใช้จะนุ่มนวล แต่ความนัยอันเฉียบคมไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าแต่อย่างใด กลับเหมือนโดนคาดคั้นเสียด้วยซ้ำ

    "เธอ....แน่ใจแล้วเหรอว่าจะให้เด็กคนนั้นเกิดมาทั้งอย่างนี้"

    "คุณหมายถึง---"

    "ฉันหมายความว่า" ผิวสีขาวซีดของวัลเบอร์ก้าทำให้ดูออกว่าเจ้าตัวหูแดงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเธอเบือนหน้าหันข้างยิ่งเผยความจริงข้อนี้มากขึ้นไปอีก "เด็กในท้องเธอน่ะ มีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นมนุษย์หมาป่า ต้องเตรียมการอะไรอีกหลายอย่าง ไหนจะเรื่องการควบคุม ไหนจะผลกระทบต่อร่างกายคนท้องอีก จัดการกันไปถึงไหนแล้ว"

    ปฏิกิริยาของรีมัสคือการนิ่งใบ้อยู่นานนับนาที ถ้อยคำที่วัลเบอร์ก้าพร่างพรูออกมาราวกับคนเสียสติทำให้เขาต้องใช้เวลาซึมซับมันพอสมควร ก่อนจะเผลอยกมือขึ้นขัดราวกับอยู่ในชั่วโมงเรียน

    "เดี๋ยวนะครับ คุณนายแบล็ค คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร นี่คุณไปหาข้อมูลมาหลังจากรู้เรื่องพวกผมเหรอครับ"

    พอถูกจี้ตรงจุดกลับทำให้หญิงผู้นี้หุบปากฉับ เธอสะบัดพัดยกขึ้นปิดบังใบหน้ากว่าครึ่งท่อน เหลือเพียงดวงตาที่ยังสับสนและกระดากอาย ทว่าคนที่ตกใจยิ่งกว่ากลับเป็นรีมัส

    "...คุณอยากพบผมเพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับซิเรียสใช่ไหมครับ"

    ถึงอย่างไรก็เป็นความสัมพันธ์ที่เกือบจะเรียกได้ว่าแตกหักกันไปแล้ว ซิเรียสอาจจะถูกตัดออกจากตระกูล แต่เจ้าตัวก็ยังไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลทุกปีเพราะเห็นแก่น้องชาย สองแม่ลูกที่หัวแข็งและดื้อรั้นไม่แพ้กัน อยู่มาวันหนึ่งจะให้มาถามไถ่กันดีๆคงเป็นเรื่องเพ้อพกกลางวันแสกๆ

    "ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณไม่ถามเอาจากเรกูลัส--"

    "เด็กสองคนนั่นน่ะ พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอแล้วก็ไม่เคยไว้ใจฉันเลย"

    รีมัสนึกอยากอธิบายว่าก็เพราะท่าทีแข็งขืนต่อต้านที่เธอทำกับเขานั่นล่ะที่ทำให้สองพี่น้องพยายามกันรีมัสออกห่างจากเธอให้ได้มากที่สุด แต่ใครจะคาดคิดว่าสมาชิกใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดมาก่อนอาจจะช่วยเชื่อมความสัมพันธ์แม่ลูกที่บาดหมางเรื้อรังมายาวนานได้

    "คุณยอมรับเด็กคนนี้หรือครับ ทั้งที่เขาไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์ แถมยังอาจจะเป็นมนุษย์หมาป่าด้วย..."

    "บ้านหลังนี้มันเงียบเหงาลงทุกวัน" แทนที่จะตอบคำถามตามตรง วัลเบอร์ก้า แบล็คกลับทอดสายตาไปไกล จนไปหยุดอยู่ตรงรูปเหมือนของสามีผู้ล่วงลับ

    "นับวันฉันก็ยิ่งได้รู้ว่าการยึดติดอยู่แต่กับเลือดบริสุทธิ์มันทำให้เราเสียอะไรหลายๆอย่างไป แทนที่จะสู้รบกับเลือดเนื้อเชื้อไข สู้เอาเวลามาวางแผนรับมือมินิซิเรียสในอนาคตจะดีกว่า"

    คำสารภาพนี้เรียกรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าคนฟัง "แล้วถ้าเด็กออกมาเหมือนผมล่ะครับ คุณจะเสียใจมากไหม"

    "พูดอะไรอย่างนั้น ยิ่งเหมือนเธอสิยิ่งดี บ้านนี้น่ะมีสไตล์เข้มๆเยอะจนเกินไปแล้ว"

    สุภาพสตรีผู้ไม่ถนัดแสดงความรู้สึกจากใจเท่าใดนักได้พยายามอย่างมากแล้วที่จะเผยความยินดีออกมา ยังคงต้องให้เวลาเธอผู้นี้ปรับตัวอีกพักใหญ่ และรีมัสไม่คิดจะไปเร่งเธอ เพราะเรายังมีเวลากันอีกมาก




    tbc.

    🌙🌙🌙
    Tap to full screen .Repost is prohibited
    👏👍👍💘✨🍆
    Let's send reactions!
    Replies from the creator

    kirahime_fanfic

    MEMOบอสเบนเป็นทาสแมว 🕶️🐈 (พิเบน * แมวจ้ม)
    #kirahime_fanfic #บอสเบนเป็นทาสแมว

    6th 🌟 ความน่ารักของคุณบอส

    ตอนนี้ขอไม่แปะ warning เดี๋ยวไม่เซอร์ไพร์สค่ะ 😌
    บอสเบนเป็นทาสแมว 🕶️🐈 6th ความน่ารักของคุณบอส🕶️ ❤️ 🐈

    หลังจากที่ประชากรส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว การใช้ชีวิตก็เริ่มกลับสู่สภาพปกติ คนที่ยินดีจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่คือแอนดรูว์ผู้ถูกกักตัวอยู่ในบ้านถึงสามเดือนเศษๆ....แถมยังไม่ใช่บ้านของเขาเองเสียด้วย

    ส่วนคนที่ไม่ค่อยพอใจแต่ก็หาอะไรมาเถียงไม่ได้ก็หนีไม่พ้นเจ้าของบ้าน วันแรกที่ตกลงกันว่าจะยอมให้แฯกค้นคว้าวิจัยกลับเข้าบริษัทไปทำงานนั่งโต๊ะได้ บอสเบนถึงกับไม่ยอมคุยกับคนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ สายตาคมกริบมองตรงไปข้างหน้า แผ่รังสีและฟีโรโมนที่บ่งบอกอารมณ์ชัดมากจนคนตาบอดยังรับรู้ได้
    9731

    related works

    recommended works

    kirahime_fanfic

    MEMO⚜️ Tied by Fate, Chased by Heart ⚜️ 05
    #wolfstar #jilly #kirahime_fanfic
    👑 ... ⚔️ ... 🌿

    "ก่อนที่เราจะเข้าเขตป่า มีเรื่องที่ต้องให้เจ้ารับปากก่อน"

    อัศวินหนุ่มเงยหน้าจากการป้อนแอปเปิ้ลให้เจ้าม้าสีดำมะเมี่ยมคู่ใจ ใบหน้าด้านข้างของหญิงสาวผมสีเพลิงสื่อความมาดมั่นจริงจังที่ทำให้หนุ่มเจ้าสำราญเช่นเขาเครียดเกร็ง ซิเรียสลอบกลืนน้ำลายลงคอ แต่ภายนอกกลับยังแสดงท่าทีไม่สะทกสะท้านอันใด

    "ว่าอย่างไรหรือแม่หญิง"

    เมื่อการเดินทางเป็นความลับ พวกเขาทั้งสองจึงใช้ระดับภาษาสนทนาอย่างมิตร สำหรับคนที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์แต่กำเนิดอย่างลิลี่นับเป็นสิ่งที่เคยชิน เธอลูบขนสีชะเอมของเจ้าม้ 5411