Recent Search
    Sign in to register your favorite tags
    Sign Up, Sign In

    kirahime_fanfic

    @kirahime_fanfic

    ☆quiet follow Send AirSkeb request Gift Yell with Emoji 💖 👍 🎉 😍
    POIPOI 60

    kirahime_fanfic

    ☆quiet follow

    #wolfstar
    #kirahime_fanfic

    🧸 over the moon ※ part 24🌙🌙🌙

    ในตอนที่เจมส์ถือถาดแอปเปิ้ลพายอบเสร็จใหม่ๆฝีมือหวานใจของเขา มากดกริ่งหน้าบ้านเพื่อนแล้วไม่มีใครออกมาเปิดให้ เขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

    ถึงซิเรียส แบล็คจะเป็นเพื่อนเลวที่ปล่อยให้แขกยืนรอได้เป็นชั่วโมง แต่รีมัสที่เขารู้จักไม่ใช่

    ในเมื่อรออยู่นานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียที มือปราบมารพอตเตอร์จึงร่ายมนตร์สะเดาะกลอนประตู เชื้อเชิญตัวเองเข้าไปข้างใน แล้วทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกเจียนคลั่งของคนที่เติบโตใกล้ชิดกันมาราวกับพี่น้อง

    หนุ่มแว่นหน้ามนในวัยยี่สิบตอนต้นพุ่งไปยังทิศทางของเสียงด้วยใจระทึก แล้วเขาก็ยิ่งประหลาดใจเมื่อเห็นสองพี่น้องตระกูลแบล็คกำลังยืนหัวเสียอยู่หน้าเตาผิง ผงฟลูตกเกลื่อนอย่างที่ถ้าคนรักสะอาดอย่างลิลี่มาเห็นเป็นได้ขมวดคิ้วมุ่น ซิเรียสกับเรกูลัสเพิ่งจะรู้สึกว่ามีบุคคลที่สามมาเยี่ยมเยือนก็ตอนที่เจมส์เอ่ยขัดขึ้นมานั่นเอง

    "เกิดอะไรขึ้นน่ะ พวกนายสองคนทำอะไรกัน"

    จากนั้นเขาก็ถูกสองพี่น้องที่ใกล้คลุ้มคลั่งสาดข้อมูลใส่ด้วยสีหน้าร้อนรน อุปสรรคขัดขวางการกรองข้อมูลเห็นจะหนีไม่พ้นซิเรียสที่จับไหล่เพื่อนเขย่าไปมา เรกูลัสดูจะใจเย็นกว่า แต่ท่าทางทำอะไรไม่ถูกของเจ้าตัวก็ไม่ได้ช่วยปลอบใครเลย

    เจมส์ยังอุตส่าห์จับใจความได้ว่า เมื่อคืนเรกูลัสมาหาพี่ชายกับรีมัสเพื่อเตือนว่าคุณนายแบล็คทราบข่าวสมาชิกคนล่าสุดของตระกูลแล้ว และอยากพบรีมัส

    สองพี่น้องลงความเห็นว่าไม่ควรไปพบ และถึงกับให้เรกูลัสค้างคืนเพื่อช่วยกันวางแผนรับมือขั้นต่อไป แต่ช่วงมื้อเช้าของวันนี้ รีมัสที่ดื้อหลบในมาตั้งแต่ไหนแต่ไรกลับใช้ผงฟลูเดินทางไปบ้านใหญ่ตระกูลแบล็คตามลำพัง

    สิ่งที่ทำเอาสองพี่น้องนั่งไม่ติดที่คือการที่รีมัสปิดการเชื่อมต่อของจุดเดินทาง ด้วยมนตราที่ซับซ้อนสมกับที่เป็นอัจฉริยะของโลกเวทย์มนตร์ พวกเขาจึงไม่สามารถใช้ผงฟลูเดินทางตามไปได้

    "เจ้าพวกงั่งนี่ ก็แล้วทำไมไม่ไปใช้ของบ้านฉัน"

    ตั้งแต่แต่งงานมีลูกแล้ว เจมส์ก็มักจะคอยระวังคำพูดคำจาเพื่อไม่ให้แฮร์รี่จำอะไรไม่เหมาะสมไปพูดต่อ แต่คนหัวร้อนก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนกันได้อย่างถ่องแท้ เขาต้องข่มความอยากเดินไปบ้องกะโหลกเพื่อนกับน้องชายคนละที จากนั้นก็หันหลังเดินปึงปังนำทางสองพี่น้องไปยังบ้านของตัวเอง

    บทคนเรามันจะขาดสติ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังคิดกันไม่ได้

    ลิลี่ได้ฟังเรื่องราวคร่าวๆ แล้วตัดสินใจผลักหลังสามีให้ร่วมเดินทางไปกับสองพี่น้องตระกูลแบล็ค ดูจากดวงตาสีเขียวที่ทอประกายกร้าวห้าวเป้งของแม่ทูนหัวแล้ว ถ้าไม่ติดว่าต้องมีคนดูแฮร์รี่ เธอคงจะคว้าไม้กายสิทธิ์บุกเดี่ยวไปแบบไม่รอใคร นี่แหละลิลี่ที่เขาทั้งรักและหลงใหลมาตั้งแต่ปีหนึ่ง

    ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหลังปัดฝุ่นผงคละคลุ้งจากเตาผิงบ้านใหญ่ตระกูลแบล็คออกไปพ้นคลองสายตา

    ครีเชอร์ที่ตกใจแทบสิ้นสติถูกเรกูลัสขอร้องแกมขู่บังคับให้นำทางพวกเขาไปหารีมัส แล้วเจ้าเอลฟ์ชราก็ทำหน้าที่ได้ดีมากแม้จะอกสั่นขวัญหายกับการที่คุณชายรองผู้แสนสุภาพอ่อนโยนกับมันเสมอถึงกับออกปากขู่ พอมาหยุดอยู่ตรงห้องที่ทำให้สองพี่น้องขมวดคิ้ว ซิเรียสที่ทนรอไม่ไหวอีกก็ตบบานประตูเปิดเข้าไปด้านใน

    "รีมัส เป็นอะไรมั้ย"

    เสียงตะโกนลั่นคฤหาสน์ช่างขัดกับเสียงหัวเราะและกลิ่นขนมหวานที่ลอยฟุ้งไปทั่ว รีมัสที่มีน้ำตาคลอตรงหางตาทำเอาคนรักยิ่งสติเตลิด แต่เจมส์ที่เห็นว่าพ่อมดหมาป่าไม่ได้ร้องไห้ รีบคว้าคอเสื้อซิเรียสไว้ก่อนเจ้าตัวจะกระโจนไปหารีมัสตามความตั้งใจ

    "อ้าว เจมส์ ทำไมมาอยู่ที่นี่ด้วยอีกคนล่ะ"

    "พวกเราต่างหากที่ต้องถาม นายมาทำอะไรที่นี่"

    เจมส์กระชับมือที่รั้งคอเสื้อเพื่อนให้แน่นขึ้น ให้ตายสิ เขารู้สึกอย่างกับว่าตัวเองกำลังจับสายจูงหมาตัวโตเลย รีมัสกะพริบตาไล่น้ำสีใสที่ขอบตาก่อนจะคลี่ยิ้ม

    "มาคุยกับคุณนายแบล็--"

    หญิงวัยกลางคนผู้งดงามที่นั่งร่วมโต๊ะกับรีมัสกระแอ้มไอ คนอ่อนวัยกว่าจึงรีบเปลี่ยนคำเรียกที่ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะเรียกได้ชิน

    "มาคุยกับ 'คุณแม่' นิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก"

    คราวนี้แม้แต่เจมส์เองยังตกใจจนเผลอปล่อยมือที่กำคอเสื้อเพื่อนรักเอาไว้ แต่สองพี่น้องเองก็นิ่งอึ้งกับข้อมูลใหม่จนไม่ทันได้ทำอะไรเช่นกัน สุดท้ายคนที่ตั้งสติได้เร็วที่สุดก็คือคนที่อายุน้อยที่สุดอย่างเรกูลัส แบล็ค

    "คุยเหรอครับ แล้วพวกคุณคุยอะไรกัน แม่...แม่พูดอะไรไม่ดีใส่รีมัสเขาหรือเปล่า"

    แววตาสีเทาของคุณนายแบล็คสะท้อนความเจ็บปวด แต่เพียงชั่วครู่ เธอก็กลับไปนั่งเชิดหน้า ในเมื่อพฤติกรรมต่อต้านอย่างรุนแรงของเธอมันเป็นสิ่งที่เด็กๆจำฝังใจ จะทำให้เชื่อว่าเธอไม่ได้ประสงค์ร้ายก็ดูจะเป็นเรื่องที่คล้ายกับฝันเฟื่อง โดยเฉพาะลูกชายคนโตที่มองเธอตาขวาง แล้วก้าวเข้ามาดึงแขนคนรักให้ลุกขึ้นยืน

    "ไป กลับกันได้แล้ว"

    "แพดส์ ใจเย็นก่อนสิ"

    "คนเขาไม่มีใจจะต้อนรับ จะอยู่ต่อไปทำไม นี่มันบ้าน 'คนอืื่น' เขา"

    วาจาเชือดเชือนทิ่มแทงเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่วัลเบอร์ก้าผลักไสลูกในไส้มาแล้ว เธอได้แต่ข่มความเจ็บปวดไว้ผ่านการกำด้ามพัดแน่น สมควรแล้วที่ซิเรียสจะตั้งตัวเป็นศัตรู ตลอดเวลาเธอไม่เคยเป็นแม่ที่ดีของเด็ก...ไม่สิ ชายคนนี้เลย

    แต่ลูกสะใภ้ที่เธอปฏิเสธมาตลอดก็ทำให้เธอต้องประหลาดใจอีกครั้ง

    "อยากกลับก็กลับไปคนเดียวสิ ฉันยังคุยกับคุณแม่ไม่จบเลย"

    ซิเรียสมองคู่สมรสของตัวเองเหมือนกำลังมองสิ่งมีชีวิตนอกโลก เขามองสลับระหว่างใบหน้ารั้นเหลือของรีมัสกับสีหน้ากระอักกระอ่วนของมารดา ก่อนจะกัดฟันกรอด

    "นี่คุณทำบ้าอะไรกับเขา กับคนท้องก็ยังกล้าทำได้ลงคองั้นเหรอ คุณนี่มัน---"

    "พอทีซิเรียส ฉันปกติดี ไม่ได้โดนมนตร์สะกดใจอะไรทั้งนั้นแหละ"

    เมื่อซิเรียสยังเอาแต่มองเหมือนไม่เชื่อหู รีมัสจึงแกะมือของสามีที่กำข้อมือเขาแน่น เอามากุมประสานดข้าด้วยกัน ดวงตาสีเขียวจ้องลึกเข้าไปในลูกแก้วสีเทาที่ได้รับสืบทอดมาจากสุภาพสตรีที่นั่งข้างเขา

    "มองให้ดีๆสิ ฉันดูเหมือนคนมีอาการถูกสะกดใจหรือเปล่า" รีมัสผินหน้าไปมองเจมส์ "หรือถ้าไม่เชื่อ ให้เจมส์ตรวจดูก็ได้ มือปราบมารอย่างพวกนายฝึกเรื่องพวกนี้กันจนถนัดแล้วไม่ใช่เหรอ"

    "เป็นไปได้ยังไง ทำไมนายถึงอยากคุยกับ...กับ..." นัยน์ตาของซิเรียสสับสนเหมือนหลงทาง แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่กว้างขึ้นของคนสำคัญ เขาก็เริ่มรวบรวมสมาธิและขวัญที่กระเจิงกลับมาได้ทีละน้อย

    "คุณแม่กับฉันกำลังเลือกชื่อลูกของเราจากสาแหรกตระกูลบนผนังห้องนี้ ก่อนพวกนายมานี่ก็ได้ชื่อดีๆมาเยอะเลยล่ะ"

    สายตาของผู้มาใหม่ทั้งสามหันไปมองแผนภาพเชื้อสายตระกูลแบล็คซึ่งทอดยาวเต็มพื้นที่ และจุดที่วัลเบอร์ก้าลบมันไปจนทิ้งรอยไหม้ไว้ คือตำแหน่งที่เคยมีชื่อของซิเรียสอยู่ วันนี้ชื่อของเขาได้กลับมาปรากฏอีกครั้งพร้อมกับรีมัส ลูปิน แล้วยังมีเส้นสายอันจ้อยที่เชื่อมระหว่างเขากับรีมัส กรอบเล็กๆยังว่างเปล่า รอให้เติมชื่อสมาชิกใหม่ลงไป

    "ถ้าเป็นผู้ชายจะให้ชื่อว่าไรเจล ถ้าเป็นผู้หญิงก็ตั้งว่าเซรีน เป็นไง เพราะใช่มั้ย คุณแม่น่ะเป็นคนที่รสนิยมดีเอามากๆเลยนะ"

    คราวนี้ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นแปลกๆ วัลเบอร์ก้าไอค่อกแค่กแก้เก้อและซ่อนใบหน้าใต้พัดลูกไม้ สายตาของลูกชายทั้งสองยิ่งทำให้เธอหน้าร้อนผ่าว ส่วนตัวเชื่อมสัมพันธ์ที่ยืนยิ้มมองคนตระกูลแบล็คอย่างอ่อนโยนก็ยิ่งคลี่ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก

    "คุณแม่น่ะตื่นเต้นกับลูกของเรามากๆเลยนะ"

    ในวินาทีนั้น เจมส์ พอตเตอร์รู้แค่เพียงว่า

    ต่อให้รอยยิ้มของรีมัสจะเจิดจ้าเพียงใด ก็ใช่ว่าจะสมานรอยร้าวของคนในตระกูลได้ภายในวันสองวัน สายตาหวาดระแวงไม่ไว้ใจที่คนร่วมสายเลือดส่งให้กันมันแจ่มชัดมากจนชวนให้อึดอัดใจ

    คนที่เข้าใจบาดแผลที่ซิเรียสได้รับจากแม่ผู้ให้กำเนิดดีกว่าใครก็คือเขา

    แต่บาดแผลย่อมมีวันทุเลา และเขาเชื่อมั่นอย่างไม่อาจหาคำอธิบายได้ ว่ากาลเวลาจะช่วยเยียวยา วันคืนที่สองแม่ลูกจะสามารถปรับความเข้าใจกันได้จะต้องมาถึง แม้ว่ากว่าจะถึงตอนนั้น หลานอาจจะโตจนเข้าโรงเรียนแล้วก็ตามที....

    🌙🌙🌙
    Tap to full screen .Repost is prohibited
    😭😭😭😭👏❤❤💖💖😍
    Let's send reactions!
    Replies from the creator

    kirahime_fanfic

    MEMOบอสเบนเป็นทาสแมว 🕶️🐈 (พิเบน * แมวจ้ม)
    #kirahime_fanfic #บอสเบนเป็นทาสแมว

    6th 🌟 ความน่ารักของคุณบอส

    ตอนนี้ขอไม่แปะ warning เดี๋ยวไม่เซอร์ไพร์สค่ะ 😌
    บอสเบนเป็นทาสแมว 🕶️🐈 6th ความน่ารักของคุณบอส🕶️ ❤️ 🐈

    หลังจากที่ประชากรส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว การใช้ชีวิตก็เริ่มกลับสู่สภาพปกติ คนที่ยินดีจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่คือแอนดรูว์ผู้ถูกกักตัวอยู่ในบ้านถึงสามเดือนเศษๆ....แถมยังไม่ใช่บ้านของเขาเองเสียด้วย

    ส่วนคนที่ไม่ค่อยพอใจแต่ก็หาอะไรมาเถียงไม่ได้ก็หนีไม่พ้นเจ้าของบ้าน วันแรกที่ตกลงกันว่าจะยอมให้แฯกค้นคว้าวิจัยกลับเข้าบริษัทไปทำงานนั่งโต๊ะได้ บอสเบนถึงกับไม่ยอมคุยกับคนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ สายตาคมกริบมองตรงไปข้างหน้า แผ่รังสีและฟีโรโมนที่บ่งบอกอารมณ์ชัดมากจนคนตาบอดยังรับรู้ได้
    9731

    related works

    recommended works

    kirahime_fanfic

    MEMOบอสเบนเป็นทาสแมว 🕶️🐈 (พิเบน * แมวจ้ม)
    #kirahime_fanfic #บอสเบนเป็นทาสแมว
    2nd 🌟 แรกพบกับคุณบอส
    🕶️ ❤️ 🐈

    ครั้งแรกที่เบนได้พบแอนดรูว์ อีกฝ่ายเป็นเพียงหัวหน้าทีมวิจัยย่อยในแผนกค้นคว้าวิจัยของทางองค์กร พร้อมแฟ้มที่อัดข้อมูลเปิดโปงการยักยอกของผู้จัดการแผนกและรองผู้จัดการ รวมไปถึงการแย่งชิงผลงานลูกน้องใต้อาณัตินับยี่สิบกว่าชีวิต

    แผนกหัวกะทิของกลุ่มบริษัทบาร์นส์มีคนเก่าคนแก่ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อของเบนกุมอำนาจ ตัวเขาที่อายุย่างสามสิบสามเพิ่งได้เข้ามารับตำแหน่งต่อหลังจากพ่อได้ไม่ทันครบปี ก็เริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากลหลายประการ ติดอยู่ตรงที่ว่าคนเหล่านั้นเป็นมือเท้าของพ่อ หากเขาไม่มีหลักฐานเพียงพอ 5409